โยคเกณฑ์ดี-ร้าย เกี่ยวกับดาวมฤตยูและดาวเคราะห์พร้อมคำทำนายกว้างๆมาฝาก
๐ กับ อาทิตย์ ๑ ในโยคเกณฑ์ดีเชิงมุม๓๐หรือ๖๐องศาหรือ ๑๒๐องศานั้น จะทำให้เจ้าชะตามีหัวริ่เริ่มในการคิดค้นประดิษฐ์ชอบเอาชนะอุปสรรค แต่ชีวิตอาจจะมีอันตราย กรณีเป็นโยคเกณฑ์ร้าย เชิงมุม ๙๐องศาหรือ๑๘๐องศาจะทำให้เห็นแก่ตัวเอง,โหดร้าย,ใจร้อน, ชอบเอาใจตนเอง ,จนไปถึงปีนเกลียวกับผู้ใหญ่หรือ พอจะมีผู้ใหญ่ช่วยก้อบันดาลให้ต้องพลาดไป หรือชื่อเสียงไม่ดี
๐ กับ จันทร์ ๒ เพราะมฤตยูอยู่ไกลโลก การร่วมกันต้องได้องศาจริงๆ กรณีโยคเกณฑ์ดีเชิงมุม๓๐หรือ๖๐องศาหรือ ๑๒๐องศาก็จะมีความคิดก้าวหน้า ชอบค้นคว้า มีเสน่ห์ปราดเปรียว ชอบสนใจสิ่งแปลกใหม่ หากเป็นโยคเกณฑ์ร้าย ๙๐องศาหรือ๑๘๐องศาจิตใจจะแปรปรวนเรรวน อารมณ์อ่อนไหวง่ายหาสาระไม่ได้ ชอบบ้าสมบัติ และควรระวังการมีอุบัติเหตุทางน้ำได้
๐ กับ อังคาร๓ หากเป็นโยคเกณฑ์ดีเชิงมุม๓๐หรือ๖๐องศาหรือ ๑๒๐องศา จะทำให้เกิดมานะพยายาม ความกล้าหาญ เข็มแข็งเอาการเอางาน แต่ต้องระวังความเชื่อมั่นเกินไป ทำให้เกิดโยคเกณฑ์ร้าย ส่วนโยคเกณฑ์ร้าย (๙๐องศาหรือ๑๘๐องศา)คือ อุบัติเหตุ,การเข้ารับการผ่าตัด ทำให้มีนิสัยดื้อรั้นใจร้อน, จิตใจเหี้ยมโหด, โทษะจริตแรงกล้า,อาฆาตพยาบาท, ขาดความยับยั้ง ทำให้เกิดความหายนะได้
๐ กับ พุธ๔ ในกรณีโยคเกณฑ์ดี ๓๐หรือ๖๐หรือ๑๒๐ องศานั้น จะเป็นผู้มีสมองดี ชอบมีความคิดริเริ่ม ปัญญาไว คิดค้น ด้วยแนวคิดแปลกใหม่ มีผลดีในการใช้สมอง เพื่้อการศึกษาหาความรู้ ชอบศาสตร์ลี้ลับเช่นโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ ส่วนโยคเกณฑ์ร้าย มุม ๙๐หรือ ๑๘๐องศาหรือกุมกันนั้น จะทำให้เป็นคนชอบวิพากษ์วิจารณ์ช่างติช่างแก้ ใจคอโลเลไม่แน่นอน ชอบคิดค้นแต่ไม่ได้รับผลดี มีการกระทำที่คนทั้งหลายไม่นิยม ตัดสินใจรวดเร็ว มีความจำแม่นยำ เรียนอะไรรู้ไว แต่ถ้าขมักเขม้นเกินไปจะเป็นโรคเส้นประสาท
๐ กับ พฤหัสบดี๕ กรณีเป็นโยคเกณฑ์ดีนั้น เชิงมุม๓๐หรือ๖๐องศาหรือ ๑๒๐องศาจะได้รับความอุปถัมภ์จากผู้ใหญ่ ให้ผลดีในการศึกษาปรัชญา มีความริเริ่มที่ดีและเหมาะในการศึกษาทางจิตวิณญาณ ส่วนโยคเกณฑ์ร้ายนั้นจะทำให้เป็นคนหัวดื้อรั้นมีความคิดเห็นแย้งกับผู้ใหญ่ และความคิดเห็นมักเปลี่ยนแปรไปได้ง่าย ใฝ่ในทางต่ำ ชีวิตดูไม่ก้าวหน้า หรืออาจจะมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลได้
๐ กับ ศุกร์ ๖ กรณีเป็นโยคเกณฑ์ดีจะเป็นผู้มีเสน่ห์มาก ในวงสังคมเช่น สวยมากรูปร่างดี บางทีเกิดชนวนหึงหวง ส่วนในกรณีโยคเกณฑ์ร้านนั้นคือห่างกัน๙๐องศาหรือเล็งกันหรือทับกัน จะทำให้จิตใจไปหมกมุ่นเรื่องเพศตรงข้าม หรือกามารมณ์ จิตใจไปสนใจเรื่องที่ยั่วยุมีการถลำตัวเสียรู้เพศตรงข้ามหรือ ผิดหวังในเรื่องการสมรส
๐ กับ เสาร์๗ กรณีเป็นโยคเกณฑ์ดี จะช่วยให้เป็นบุคคลที่จิตใจเข็มแข็งอดทนมากขึ้นอารมณ์แรงแต่พยายามหาทางรับมือและแก้ไขปัญหา สามารถรับภาระหนักๆได้ ในกรณีโยคเกณฑ์ร้ายจะทำให้มีทิฐิ เกิดความหัวรั้น เหี้ยมโหด ทารุณกรรม คิดมากวิตกกังวลแต่ในแง่ร้าย ทำให้ล้มเหลวได้
๐ กับ ราหู๘ ในตำราว่ามีทำนองเดียวกับอังคารและเสาร์กับมฤตยู แต่อีกตำราว่าในกรณีโยคเกณฑ์ดีคือ จะต้องอยู่สันโดษหรือบำเพ็ญเพียรทางจิตหรือสวดมนต์ภาวนาธรรม นั่งวิปัสนา กรรมฐาน ส่วนในกรณีโยคเกณฑ์ไม่ดีคือกลุ้มอกกลุ้มใจ เพราะมีคนทำให้เดือดร้อน
๐ กับ เกตุ๙ กรณีเป็นโยคเกณฑ์ดี เชิงมุม๓๐หรือ๖๐องศาหรือ ๑๒๐องศา เจ้าชะตาจะมีพรสวรรค์ สามารถคาดคะเนการณ์ได้แม่นยำหรือผิดพลาดน้อย เดาใจคนถูก มีหัวในการเรียนวิทยาศาสตร์ ชอบเรื่องลี้ลับ แต่หากเป็นโยคเกณฑ์ร้าย(มุม๙๐หรือ๑๘๐องศา)นั้นจะก่อให้เกิดผลเสียกับชะตานั้นๆ โดยเฉพาะในภพที่๒, ภพ๔, ภพ๑๐ และไม่มีดาวอื่นเป็นโยคเกณฑ์ที่ดีต่อชะตาแล้ว อาจจะเกิดการล้มละลาย หรือเรื่องอุบัติเหตุได้
๐ กับมฤตยู ๐ เดิม นั้นในอีกตำราว่า กรณีโยคเกณฑ์ร้ายนั้น สุขภาพตัวเองต้องระวังให้ดี จะมีเหตุร้ายจู่โจม ทั้งนี้ต้องดูว่าดาวมฤตยูเดิมอยู่ราศีใดความหมายของภพคืออะไร องศานั้นทำมุมเท่าไหร่ต่อกัน รวมทั้งมีดาวศุภเคราะห์เช่นดาวพฤหัสบดีหรือดาวอื่นๆอยู่ในตำแหน่งคุ้มครองถึงหรือไม่ค่ะ
๐ กุมลัคนา โยคเกณฑ์ดีก็จะเกิดความคิดในเชิงค้นคว้าหาความจริงบางอย่างได้ เข้าใจในเรื่องโหราศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ที่แปลกใหม่ๆ ประดิษฐ์คิดค้น ส่วนโยคเกณฑ์ร้ายก็คงต้องระวังเหตุร้ายฉับพลัน ทั้งนี้ต้องดูว่ามีดาวศุภเคราะห์เช่นดาวพฤหัสบดีหรือดาวอื่นๆอยู่ในตำแหน่งคุ้มครองถึงหรือไม่ค่ะ
มฤตยูโคจรรอบนี้อยู่ราศีพฤษภ ตั้งแต่ ๘ มี.ค. ๒๕๖๖ - ๑๘ ก.ค. ๒๕๗๒
โดยมีการเดินพักรเป็น ช่วงๆระหว่างรอยต่อของปี :
๑. ช่่วง ๒๑ กันยายน ๒๕๖๖ - ๒๑ มกราคม ๒๕๖๗,
๒. ช่วง ๒๖ กันยายน ๒๕๖๗ - ๒๙ มกราคม ๒๕๖๘,
๓. ช่วง ๒๖ กันยายน ๒๕๖๘ - ๒๖ มกราคม ๒๕๖๙,
๔. ช่วง ๒๓ กันยายน ๒๕๖๙ - ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๗๐,
๕. ช่วง ๓ ตุลาคม ๒๕๗๐ - ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๗๑ และ
๖. ช่วง ๑๒ ตุลาคม ๒๕๗๑ - ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๗๒
ดาวมฤตยูอยู่ ในภพกดุมภะของดวงเมือง คำทำนายกว้างๆ คือ โชคลาภในทางการเงินที่มักขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่ยากถึง เป็นการยากที่จะกำหนดรายได้และอาชีพที่ตายตัวลงไป หรือการหารายได้มาจากการปรับเปลี่ยนสินค้า,วิธีการค้า,โปรโมชั่น,การชำระเงิน ในภพนี้แสดงถึงลาภลอยและการมีโชคแบบฟลุ๊คๆ ถ้าสัมพันธ์ที่ดีหรือกุมกับดาวพฤหัสหรือดาวศุกร์
และเนื่องจากมี การเดินพักรหรือวิกลคติ ดังนั้น ต้องพิจารณา พื้นดวงเดิมว่า มฤตยูมาจากเรือนใด เช่น ดวงเมือง ดาวมฤตยูเดิมอยู่ภพสหัชชะ การรักเพื่อนฝูง รักอิสระเสรีอย่างมาก ชอบการเดินทางท่องเที่ยว หรือ จะได้เดินทางไปไหนมาไหนอย่างไม่ได้คาดคิดหรือเตรียมตัวมาก่อน มีสาเหตุแปลกๆ ทำให้ได้เดินทาง แต่ถ้ามีเกณฑ์ไม่ดีจากบาปเคราะห์ก็มักจะมีเรื่องยุ่งยากตามมา ทางญาติพี่น้องก็มีความสัมพันธ์กันแบบแปลกๆ จนบางครั้งทำให้ไม่ลงรอยกัน การพักรหรือวิกลคติ หมายถึงการชอบเรื่องการเดินทางหรือความไม่ได้คาดคิดคาดฝันลดน้อยลง หรือการคบเพื่อนฝูงใหม่หรือการพูดจาเจรจาเรื่องใหม่ลดอาจลดน้อยถอยลง มีความผันผวนในการคบเพื่อนใหม่ กลับไป พบเพื่อนบ้านเก่าๆ หรือญาติพี่น้อง การเจรจากับเพื่อนเก่านั้นเปลี่ยนรูปแบบวิธีการหรือ ปรับเปลี่ยนการเดินทางระยะสั้น หรือ การที่ไม่สามารถคาดเดาผลลัพธ์เจรจาได้แน่นอน ต้องไปดูดาวพุธ เจ้าเรือนสหัชชะนั้นจร ในมุมให้คุณหรือไม่ ดังนั้น เมื่อมาอยู่เรือน กดุมพะ ก็จะกระทบเรื่องของการหารายได้ที่คาดหวังไว้ น่าจะต้องเป็นการเปลี่ยนขบวนการทางความคิด เพื่อการหาช่องทางหลายๆอย่าง หรือ ช่องทางแนวใหม่ สำหรับการมีเงินทองเข้ามา จากการท่องเที่ยว การเดินทางระยใกล้หรือระยะสั้นๆ ค่ะ นอกจากรายได้หลักเดิม,หรือรูปแบบของอาชีพเปลี่ยนแปลงไปหรือปรับเปลี่ยนเรื่องเวลาและสถานที่ที่จะนำมาซึ่งรายได้ หรือช่วยค้ำจุนฐานะทางการเงินให้ขยับไปได้หรือหมุนเงินได้ต่อ
หากจะให้สอดคล้องกับความหมายมฤตยู ในเชิงลึก หมายถึง ความสามารถพิเศษที่สะสมมาจากอดีตชาติ " พลังแห่งญาณหยั่งรู้ในอดีต " การจะเข้าถึงการหยั่งรู้ต้องอาศัยการฝึกธรรมะขั้นสูงโดยจิตเข้าสู่สภาวะ โลกุตระจิต เกิดภาวะ สุญญตาธาตุ เป็นพลังแห่งความว่างที่เป็นต้นกำเนิดพลังในจักรวาล ในแต่ละครั้งที่ดาวมฤตยู ๐ มีการยกหรือย้ายราศี เรามักจะเห็นนวัตกรรมหรือการปฏิรูปใหม่ๆ ทำให้เกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นด้วย
ขออนุญาตเล่าถึงดวงชะตาตัวอย่างที่มีดาวมฤตยูกุมลัคนา จากตำราของอาจารย์พลูหลวง จึงขออันเชิญดวงพระชะตาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มากล่าวในส่วนนี้ โดยไม่ได้นำดวงพระชะตามาลงไว้นะคะ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชสมภพ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๔๗ เป็นพระมหาก
ษัตริย์ รัชกาลที่ ๔ แห่งราชวงศ์จักรี ครองราชย์ตั้งแต่วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ.๒๓๙๔ กระทั่งสวรรคตในปี พ.ศ.๒๔๑๑
พระลัคนาสถิตราศีกันย์ ในดวงพระชะตานั้นมีดาวมฤตยูกุมพระลัคนาและมีดาวพุธกับดาวเสาร์ร่วมลัคนา เป็นนระเกณฑ์ ดวงเด่นมีมีวาสนาสูงส่ง โดยดาวพุธเป็นเกษตรและมหาอุจจ์ได้เกณฑ์ปัญจมหาบุรุษโยค การมีดาวพุธกุมพระลัคนาจึงทำให้พระองค์ ทรงสนพระทัยทางกวีนิพนธ์ ได้ทรงบันทึกและร่างประกาศสำหรับแผ่นดินด้วยพระองค์เอง รวมทั้งมีพระราชนิพนธ์ส่วนใหญ่เป็นประเภทร้อยแก้ว
บทพระราชนิพนธ์ที่สำคัญ ได้แก่
- ชุมนุมพระบรมราโชบาย ๔ หมวด คือ หมวดวรรณคดี โบราณคดี ธรรมคดี และตำรา
- ตำนานเรื่อง พระแก้วมรกต เรื่องปฐมวงศ์
- ทรงริเริ่มให้มีการค้นคว้าศิิลาจารึกในประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรก คือ จารึกหลักที่ ๑ ของพ่อขุนรามคำแหงและจารึกหลักที่ ๔ ของพระยาลิไทย
ดาวมฤตยู ๐ เองก็ทำให้พระองค์สนใจในการค้นคว้าในโหราศาสตร์ทรงแต่งตำราทางโหราศาสตร์ที่เรียกว่า "เศษพระจอมเกล้า" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตำราที่ได้รับการยอมรับว่าแม่นยำ รวมทั้งทรงค้นคว้าและนำเอาการโคจรของดาวพระเคราะห์ใหม่คือดาวมฤตยูนี้มาใส่ในปฏิทินสุริยยาตร์ จนทรงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติว่าทรงเป็น "พระบิดาแห่งโหราศาสตร์ไทย" และความก้าวหน้าทางวิทยาการใหม่ๆ เช่นทรงศึกษาภาษาอังกฤษ และโปรดปรานขุนนางที่ผู้รู้ภาษาตะวันตกเป็นอย่างมาก และ ยังทรงคำนวณสุริยคราสได้อย่างแม่นยำ โดยนำวิธีคำนวณแบบตะวันตกมาผสมผสานกับแบบไทย จนทำให้พระองค์ได้รับพระสมัญญานามว่า "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี"
เมื่อพระชนมายุ๒๑ พรรษาผนวชเป็นพระภิกษุ พระองค์ได้รับพระนามฉายาว่า "วชิรญาโณ" หรือ "วชิรญาณภิกขุ" แล้วเสด็จไปประทับแรมที่วัดมหาธาตุ ๓วัน หลังจากนั้น จึงเสด็จไปจำพรรษาที่วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร พระองค์ทรงผนวชตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๖๗ จนถึงลาผนวชเพื่อรับการขึ้นครองราชย์ เป็นเวลารวมที่บวชเป็นภิกษุทั้งสิ้น ๒๗พรรษา (ขณะนั้นพระชนมายุ ๔๘ พรรษา) พระองค์ได้ทรงฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง โดยทรงตั้งธรรมยุตติกาวงศ์ขึ้น เป็นนิกายใหม่ในพระพุทธศาสนา ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยและระเบียบแบบแผน
ตามที่เราทราบกันดี ในช่วงรัชกาลของพระองค์ ประเทศไทยได้รับอิทธิพลการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกและแรงกดดันทำให้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับเอานวัตกรรมตะวันตกมาและริเริ่มพัฒนารวมทั้งปรับปรุงประเทศของพระองค์ให้ทันสมัย ทั้งในด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรม เนื่องจากพระปรีชาสามารถของพระองค์ทำให้ประเทศสามารถรับมือกับการเข้ามาของชาติตะวันตกทั้งหลายได้
ส่วนพวกเราบุคคลธรรมดานั้น หากยังไม่ถึงขั้นจะนั่งวิปัสนากรรมฐานได้อย่างจริงจังหรือเพิ่งเริ่มต้น สามารถนำหลัก พรหมวิหารสี่ มาปรับใช้ในการกล่อมเกลา "จิตใจ "ของตนเอง ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาก่อนค่ะ- เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
- กรุณา ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
- มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
- อุเบกขา การรู้จักวางเฉย
❤❤❤❤💙💙💙💙❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤💙💙💙💙
ขอบคุณที่อ่านและกดติดตามในบล็อก https://zodietcwise.blogspot.comเป็นเพื่อนและกดถูกใจใน FB #zodietcwise ฝากกดติดตาม IG: https://www.instagram.com/zodietcwise/สนใจดูดวงนัดติดต่อ Inbox มาก่อนได้เลยจ้า ก่อนนัดทางไลน์ค่ะไลน์ Line https://line.me/ti/p/DxUHcrL7-Mขอบคุณข้อมูล : รูปภาพ รัชกาลที่๔ จากปฏิทินของธนาคารออมสิน ปี ๒๐๒๓ขอบคุณข้อมูล ขอบคุณข้อมูล
ขอบคุณวิชาโหราศาสตร์ข้อมูลตำราพรหมชาติ ฉบับสมบูรณ์, ตำราโลกธาตุข้อมูลจากตำราอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร, หลวงวิศาลดรุณกร(อั้น สาริกบุตร)ข้อมูลอาจารย์ศ.ดุสิต,อาจารย์พันเอก(พิเศษ) เอื้อน มนเทียรทอง ข้อมูลตำราอาจารย์พลูหลวง,ข้อมูลตำราอาจารย์เล็ก พลูโต,ข้อมูลตำราอาจารย์จำรัส ศิริ,อาจารย์สิงห์โต สุริยาอารักษ์,อาจารย์อักษร ไพบูลย์, และอาจารย์ประภาพร เลาหรัตนเวทย์ ,ดิสพร ตุลยนันท์( โสภณ ดิลก)
รวมทั้งหลายท่านอาจารย์และบรมครูโหราศาสตร์ที่อาจจะไม่ได้เอ่ยนาม ด้วยค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น