มาฆบูชา ๒๕๖๗: นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
ปีนี้ตรงกับวันเสาร์ ที่๒๔ กุมภาพันธ์หรือวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีเถาะ เป็นวันพระใหญ่ ตรงกับวันธงชัยปีนี้ พระจันทร์เพ็ญ (ปูรณมี)สถิตที่ราศีสิงห์
ถือเป็น"วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ ๔ เป็นเวลาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ ซึ่งต่อมาถือกันว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชน เรียกว่า วันมาฆบูชา ที่เวียนมาอีกครั้ง
การประกอบพิธีในวันมาฆบูชาได้เริ่มมีขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาล๔) เนื่องจากพระองค์ทรงเล็งเห็นว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในพระพุทธศาสนา
ในวันนี้พุทธศาสนิกชนมักไปทำบุญตักบาตรในตอนเช้า หรือทำสังฆทาน หรือการฟังพระธรรมะเทศนา และ การทำบุญบริจาคหรือการทำความดีต่างๆ รวมทั้งในช่วงค่ำที่วัดต่างๆ มักจะมีการเวียนเทียนโดย จุดธูปเทียนและถือดอกไม้เป็นเครื่องสักการบูชาในมือ แล้วเดินเวียนรอบปูชนียสถาน ๓ รอบ โดยขณะที่เดินนั้นพึงตั้งจิตให้สงบ พร้อมสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ ด้วยการสวดบทอิติปิโส (รอบที่หนึ่ง) ระลึกถึงพระธรรมคุณ ด้วยการสวดสวากขาโต (รอบที่สอง) และระลึกถึงพระสังฆคุณ ด้วยการสวดสุปะฏิปันโน (รอบที่สาม) จนกว่าจะเวียนจบ ๓ รอบ จากนั้นนำธูปเทียนดอกไม้ไปบูชาตามปูชนียสถานจึงเป็นอันเสร็จพิธี
ในวันนั้น พระพุทธเจ้าทรงประทาน หลักธรรมะที่สำคัญ ก็คือ โอวาทปาติโมกข์ ซึ่ง ท่านได้กล่าวถึงพระนิพพานอันเป็นอุดมการณ์อันสูงสุดสำหรับ บรรพชิตและพุทธบริษัท "นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา" โดยวิธีการที่เป็นหัวใจในการจะเข้าถึงนิพพานโดยย่อนั้น สำหรับพุทธบริษัท คือ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การบำเพ็ญแต่ความดี และการทำจิตใจของตนเองให้ผ่องใสเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง
ส่วน หลักการปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ผู้เป็นผู้เผยแพร่ศาสนานั้น มี ๖ ประการคือ การไม่กล่าวร้ายใคร, การไม่ทำร้ายใคร,การมีความสำรวมในปาติโมกข์(ตามคัมภีร์ที่รวมวินัยของสงฆ์), การเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร, การรู้จักที่นั่งนอนอันสงัดและบำเพ็ญเพียรในอธิจิต(หรือฌาณ) เป็นจิตที่ดีที่สุดของปัญญา
💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙❤❤❤❤💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙❤❤❤❤💙💙💙💙💙💙💙💙💙
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น