การพิจารณามุมต่างๆทางโหราศาสตร์
ตามที่เคยพูดถึงเวลาจะทำนายดวงนั้นให้ดูดาวเจ้าเรือนสำคัญๆว่าอยู่ที่ใด หากเป็นเกษตรในเรือนตนเองก็จะพิจารณาที่จุดๆเดียว หากแต่ ไปอยู่ในเรือนอื่นก็ต้องอาศัยการผสมผสานความหมายของเรือน โดยไม่ลืมดูความเข็มแข็งของดาวหรือดูตำแหน่งดาว รวมทั้งลักษณะของการเป็นดาวศุภเคราะห์หรือบาปเคราะห์ เรื่องของธาตุต่างๆ นอกจากนี้ต้องฝึกดูลักษณะมุมประกอบด้วยค่ะ
๑.มุมกุม หรือมุมร่วมราศี (มุม ๐ องศา) สำหรับดาวที่อยู่ในราศีเดียวกันเรียกว่า กุมกัน ส่วนดาวจรมาทับดาวพื้นดวงในราศีเดียวกันเรียกว่า ทับกัน มีอิทธิพลรุนแรงเพราะร่วมกันมีธาตุเดียวกัน หากเป็นดาวศุภเคราะห์กุมลัคนา หรือศุภเคราะห์กุมกัน อย่างนี้ให้คุณ หากบาปเคราะห์กุมลัคนาหรือบาปเคราะห์กุมกันเองย่อมให้โทษ แต่เบาบางกว่า เนื่องจากบาปเคราะห์เบียนกันเอง
๒.มุมตรีโกณหรือมุมร่วมธาตุหรือมุมสามเหลี่ยม(มุม ๑๒๐ องศา) คือมุมที่มีลักษณะที่ดาวอยู่ตำแหน่งสามเหลี่ยม หรือเป็น๕ ต่อกัน (การนับนับจากจุดเริ่มต้นเป็น ๑ เสมอ) หากมีดาวศุภเคราะห์อยู่ในมุมร่วมธาตุทั้ง๓จุดจะให้คุณมาก แต่หากตรึงด้วยดาวบาปเคราะห์ ๓ จุด อาจจะส่งผลให้คณด้วยที่ได้รับอิทธิพลจากธาตุเดียวกัน แต่มักจะให้โทษติดตามมาด้วยกัน ถ้ามีทั้งศุภเคราะห์และบาปเคราะห์คละกันไปไม่ต้องห่วงว่าบาปเคราะห์จะมาเบียนศุภเคราะห์ เพราะเป็นมุมให้คุณ แต่ความเป็นดาวบาปเคราะห์ก็จะส่งผลให้โทษแก่ศุภเคราะห์นั้นอาจจะทำให้ดาวศุภคราะห์ถูกด้อยค่าหรือได้รับผลดีไม่เต็มที่หรือก่อให้เกิดโทษตามมาภายหลัง
๓.มุมเล็ง (มุม ๑๘๐ องศา) คือ มุมที่มีดาวอยู่ตรงข้ามกันหรือเป็น๗ต่อกัน คือ อยู่ฝ่ายละธาตุ คนละเพศ ราศีตรงข้ามปกติจะให้โทษ ถ้าหากเป็นดาวบาปเคราะห์ตั้งอยู่ แต่ถ้าหากเป็นศุภเคราะห์ตั้งอยู่และเล็งมายังลัคนาก็สามารถให้คุณแก่ลัคนาได้แต่ไม่แน่นอนเสมอไป เช่น "ดาวศุกร์ ๖เป็น เจ็ด อาจารย์ว่าร้อนนิรันดร์" เป็นตัวอย่าง นั้น ท่านอาจารย์เล็ก พลูโตว่าจะทุกข์ใจเพราะความรัก อาจจะเป็นในแง่พลัดพราก หรือไม่ลงตัวหรือมักจะรักคนที่เขาไม่รักเราจริงประเภทได้คู่เจ้าชู้ หลายรัก หลายใจหรือรักเขาข้างเดียว แต่ที่ท่านอาจารย์บอกว่าศุภเคราะห์เล็งลัคน์อาจจะให้คุณกับลัคนานั้น ก็เนื่องจากมุมเล็งเป็นมุมสมพงษ์เป็นของมี มาคู่กันตามธรรมชาติย่อมอุปการะกัน เช่น ไฟกับลม,ดินกับน้ำ,ชายกับหญิง แต่อย่างไรก็ตามอาจารย์เล็ก พลูโตท่านก็ว่า มุมเล็งหรือมุมตรงข้าม ก็บอกว่าความหมายว่าตรงข้ามกันอยู่แล้ว คือเป็นปรปักษ์ได้ในภายหลัง เหมือนสามีภรรยากัน แต่งงานกัน รักกันปานจะกิน แต่แล้วก็อาจจะทะเลาะเบาะแว้งเลิกราหย่าร้างกันไป แล้วภายหลังมาตั้งตัวเป็นศัตรูกัน ดังนัน้การพิจารณา มุมเล็งน่าจะเป็นมุมที่มีโอกาสให้โทษมากกว่าให้คุณ
๔.มุมโยค (มุม๖๐ องศา) หรือโยค คือ ดาวที่กระโดดข้ามข้างหน้าไป ๑ ราศี(เป็น ๓แก่กัน) เรียกว่าโยคหน้า ถ้าหากอยู่ข้างหลังถัดไปอีก๑ราศี (เป็น ๓แก่กัน)เรียกว่า โยคหลัง ดาวถึงกันในมุมแบบนี้ก็คล้ายกับมุมเล็งในส่วนทีเป็นธาตุอุปการะหรือ สมพงษ์กันคือไฟกับลม,ดินกับน้ำ เรียกว่า เป็นฝ่ายสนับสนุนหรือส่งเสริมชักนำไปในทางที่ดี ถ้าหากศุภเคราะห์ตั้งอยู่ก็ให้คุณยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากเป็นบาปเคราะห์ตั้งอยู่ก็อาจจะให้คุณน้อยลงไป และอาจได้รับโทษบ้างตามลักษณะของบาปเคราะห์นั้นๆแต่ไม่รุนแรงมากเพราะถือเป็นมุมโยคเป็นมุมที่ให้คุณ
๕.มุมจตุโกณ หรือมุมสี่เหลี่ยมหรือมุมกากะบาด (มุม ๙๐ องศา) เป็นมุมหักหรือมุมข้อพับเป็นมุมให้โทษ (เป็น๔ แก่กัน) ถ้าหากเป็นบาปเคราะห์ตั้งอยู่ครบทุกมุม ให้โทษร้ายแรงยิ่งนัก แต่หากเป็นศุภเคราะห์ตั้งอยู่ครบทุกมุม ก็สามารถให้คุณได้แต่ไม่เต็มที่ หรือหากให้คุณเต็มที่ก็จะให้โทษตามมาภายหลัง เพราะเป้นมุมขัดแย้งกันนั่นเอง และถ้าเป็นบาปเคราะห์กับศุภเคราะห์นั้นบาปเคราะห์ย่อมเบียนศุภเคราะห์เสมอ ดังนั้นแม้ว่าดวงจะเป็นดวงจตุสดัยเกณฑ์ คือให้คุณด้านอำนาจวาสนาหรือเกียรติยศชื่อเสียงหรือหน้าที่การงานหรือฐานะความเป็นอยู่ และอื่นๆ แต่ถ้าหากมีบาปเคราะห์ตรึง ในมุมกากะบาดมากเท่าไหร่ยิ่งทุกจุดด้วย โอกาสที่ชีวิตจะหักโค่นลงย่อมมีมาก
๖.มุมปลายหอก (มุม ๑๕๐องศา และ ๒๑๐องศา) คือมุมที่ให้โทษร้ายแรงอีกมุมหนึ่งเนื่องจากเป็น๖ (อริ) และเป็น๘ (มรณะ) กับลัคนา หากมีบาปเคราะห์ตั้งอยู่ทั้ง ๒ จุด จะให้โทษกับลัคนา และดาวเจ้าเรือนที่อยู่ในจุดที่เป็นปลายหอกนั้น ตำราว่ามุมชนิดนี้จัดเป็นมุมให้โทษอย่างเดียวไม่ให้คุณ
๗.มุมก้ามปู หรือมุมบีบ หรือมุมประชิด (มุม ๓๐ องศา) คือมุม ที่มีดาวเดินอยู่ข้างหน้า๑ ราศีและข้างหลัง ๑ราศี ดาวที่อยู่ข้างหน้า เรียกว่าศูนย์พาหะ เป็นตำแหน่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเจ้าชะตา กรณีเดินนำหน้าลัคนา และมีอิทธิพลต่อดาวที่เดินตามหลัง ดังนั้นหากดาวข้างหน้าเป็นดาวที่ให้คุณก็จะให้คุณ หากเป็นดาวที่ให้โทษย่อมให้โทษ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยดาวที่อยู่ข้างหลังนั้นจะเป็นตัวทำลายดาวที่อยู่ข้างหน้าเนื่องจากเป็นภพวินาสน์ หากลัคนาหรือดาวใดมีดาวบาปเคราะห์บีบหน้า-หลังทั้งสองจุด อาจทำให้เจ้าชะตาตกอับและเข้าตาจนได้ แต่หากเป็นศุภเคราะห์ทั้งสองจุดก็อาจจะให้คุณบ้างด้วยถือว่าได้อยู่ในแวดล้อมที่ดี แต่ต้องไม่ลืมว่าเป็นมุมบีบ ปกติให้โทษดังนั้นกว่าจะดีได้ต้องใช้ว่าฝ่าฟันสักหน่อยเพราะถูกกดถูกบีบนั่นเอง
ขออนุญาตลงท้ายเรื่องนี้ โดยนำพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยในโอกาสขึ้นปีใหม่๒๕๒๘ มาเป็นแนวทางในชีวิต ความว่า
" วิถีชีวิตของมนุษย์นั้นจะให้มีแต่ความปกติสุข อย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีทุกข์ มีภัยมีอุปสรรค ผ่านเข้ามาด้วยเสมอ ยากจะหลีกเลี่ยงพ้น ข้อสำคัญอยู่ที่ ทุกๆคนจะต้องเตรียมกายเตรียมใจ และเตรียมการไว้ให้พร้อมทุกเวลา เพื่อเผชิญและแก้ไขความไม่ปกติเดือดร้อนทั้งนั้น ด้วยความไม่ประมาท ด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชาและด้วยสามัคคีธรรม จึงจะผ่อนหนักให้เป็นเบาและกลับร้ายให้กลายเป็นดีได้ "
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น