พันธุ -ศุภะ นัยยะของการสืบเชื้อสาย(ครอบครัว)

 พันธุ -ศุภะ นัยยะของการสืบเชื้อสาย(ครอบครัว)



พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ใน โอกาสปีเด็กสากลวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๒ นั้นมีใจความว่า 

" เด็ก  เป็นผู้ที่จะได้รับช่วงทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากผู้ใหญ่ ดังนั้นเด็กทุกคนจึงสมควรและจำเป็นที่จะต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกต้องเหมาะสม ให้มีศรัทธามั่นคงในคุณงามความดี มีความประพฤติเรียบร้อย สุจริต และมีปัญญา ฉลาดแจ่มใสในเหตุผล"

เรื่องของการสืบเชื้อสายหรือการตั้งครอบครัวเป็นหน่วยของสังคมหน่วยหนึ่งที่มีความสำคัญ หากสังคมในครอบครัวไม่ปรองดองหรือแย่ เช่นบ้านแตกสาแหรกขาดก็ย่อมก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ๆติดตามมามากมายในสังคมวงกว้าง เช่น ปัญหาเด็กเร่ร่อน, ปัญหาถูกหลอกลวงไปเป็นโสเภณีชาย-หญิง ,ปัญหายาเสพติด, ปัญหาอาชญากรรม, ปัยหาการแพร่ระบาดของโรค แต่หากสังคมในครอบครัวดี ปัญหาต่างๆในระดับสังคมที่กว้างขึ้นย่อมมีน้อยหรือไม่มี  

เมื่อดูดวงชะตาของลูกกับของพ่อแม่ประกอบ เรื่องของภพหรือเรือนที่ใช้พิจารณา นั้น จากแต่ละตำรา ที่เราจะคิดถึงก็คือ ภพที่๔ พันธุ  โดยในตำราจะใช้ แทนบิดาในดวงหญิง และมารดาในดวงชายเท่านั้น และใช้ภพที่๙ ศุภะ แทนบิดาในดวงชายและมารดาในดวงหญิง

ภพพันธุ นั้น ให้ความหมายตรงตัวคือการสืบเชื้อสาย หรือเผ่าพันธุ โดยในอดีต ที่การที่สามีหรือผู้ชายมักอยากได้ลูกคนแรกเป็นผู้ชาย ไว้สืบวงศ์ตระกูล เช่นในอดีตค่านิยม คนจีนในบางบ้าน พอได้ลูกชายก็จะเลี้ยงลูกเอง รักลูกเห่อลูกมาก ทำให้ฝ่ายภรรยาต้องรับภาระเพิ่มคือช่วยดูทั้งลูกและสามี จึงเป็นที่มาของ มารดาในดวงชาย คือภพพันธุ  ส่วน บิดาในดวงหญิงนั้น การพิจารณามาจากเรื่องที่บางครอบครัวมีการแตกแยกหรือหย่าร้างระหว่างสามี-ภรรยา การไปมีสามี-ภรรยาใหม่ ทำให้ลูกเกิดมาแล้วพลัดพรากจากบิดา-มารดา ก็ต้องมองภพพันธุ คือบ้านหรือสถานภาพครอบครัว เป็นหลัก ตามโคลงกลอนที่ว่า สิ้นพ่อเหมือนถ่อหัก สิ้นแม่เหมือนแพแตก  

ขณะที่ภรรยาหรือฝ่ายผู้หญิงอยากได้ลูกสาวเป็นลูกคนแรก เพื่อฝากผีฝากไข้ เพราะมองว่าเมื่อลูกชายออกเรือนมีครอบครัวไปแล้วอาจจะไม่มีเวลาดูแลมารดา แต่กรณีเมื่อได้ลูกไม่ตรงดังหวัง เช่นผู้ชายมีลูกสาวคนแรก อาจจะตามค่านิยมของคนจีนบางบ้าน ก็มักเป็นหน้าที่หลักของภรรยาในเลี้ยงดู ซึ่งทางภรรยาหรือคนเป็นแม่ก็จะถูกใจ จึงเป็นที่มาของภพศุภะ มารดาในดวงหญิง 

ในรายละเอียด ภพศุภะนั้นให้ความหมายรวมถึงด้านวาสนาบารมีเกียรติยศ ชื่อเสียงฐานะทางสังคม จึงเป็นภพที่ใช้ดูบิดาในดวงชายโดยตรง ด้วยเหตุที่ว่าบุตรชายจะเป็นผู้ได้สืบทอดสิ่งต่างๆเหล่านี้จากบิดา ส่วนมารดาในดวงผู้หญิงนั้นขอให้นึกถึงคำกลอนสุภาษิตกล่าวเปรียบเทียบที่ว่า ดูนางให้ดูแม่ หากจะดูให้แน่ก็ต้องดูถึงยาย

กลับมาพูดถึง"ความหมายของ พันธุ" นอกจากหมายถึง บ้าน แลัวก็ยังหมายรวมถึง ที่อยู่อาศัย และคลอบคลุมไปถึง รถยนต์ เรือยนต์ เครื่องบิน ยานพาหนะต่างๆในการเดินทาง  หากมองมุมกว้าง ความหมายส่งไปถึง สังคมโดยรวม เช่น ระดับครอบครัว หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศ ก็ได้




การดูบิดาในดวงชายจากรูปด้านบนให้พิจารณาภพที่๙ จะทราบความเป็นไปของบิดา ในเรื่องของงานก็คือภพที่๖ของปุตตะและภพที่๑๐ก็กลายมาเป็นภพที่๒กดุมพะของบิดา (ให้พิจารณาดาวที่ลอยอยู่)  
ส่วนมารดานั้น ก็ตั้งลัคนาไว้ที่ภพพันธุ ภพที่๔ จะทำให้ภพปุตตะของตนเองเป็นเรือนกดุมพะของมารดา ภพลัคนาของชะตานั้น ก็จะกลายเป็นภพกัมมะของลัคนามารดา บ่งบอกว่ามารดาจะต้องรับผิดชอบดูแลเลี้ยงดูเจ้าชะตาอย่างดีไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เป็นหน้าที่การงานสำคัญที่ต้องทำอย่างยิ่งยวดก่อนเรื่องอื่น



สำหรับดวงหญิงหรือบุตรสาว ก็เช่นกัน การ พิจารณา เริ่มจากการตั้งลัคนาดวงมารดาไว้ที่ภพศุภะภพ๙ จะเห็นว่าลัคนาของหญิงนั้นคือภพปุตตะของลัคนา มารดา  
ขณะที่ลัคนาของบิดาภพที่๔ และภพกัมมะของลัคนาบิดาคือลัคนาของลูกสาว หากลูกสาวได้บิดาที่ดี มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชะตาของลูกสาวนั้นก็จะเพียบพร้อมและดีงาม  จะเห็นชัดระหว่าง บิดา-มารดาในดวงชายและดวงหญิง 

ดังนั้นการพิจารณาเรื่องบิดา มารดาในดวงบุตร ต้องอาศัยจุดเชื่อมโยงของดวงดาวและภพอื่นๆที่เกี่ยวข้องมาดูด้วยทุกครั้ง

 หากพิจารณาในแง่ของดวงดาว  ดาวพระเคราะห์ที่ให้ความหมายเกี่ยวกับบิดามารดา ญาติผู้ใหญ่คือ ดาวพฤหัสบดี ๕  ถ้าจะแยกเฉพาะเพศบิดาคือดาวอาทิตย์ ๑ มารดาคือดาวจันทร์ ๒ หากนำมาพิจารณาเรื่องบ้าน ที่อยู่อาศัยก็ต้องดูว่าจะมีสาเหตุหรือลงเอยเรื่องใด เช่นหากมีดาวบาปคราะห์จรในภพพันธุ แต่ดาวอาทิตย์ จันทร์ พฤหัสบดีไม่เสีย หรือถูกเบียนมากก็อาจจะส่งผลไปในเรื่องบ้านที่อยู่อาศัย หรือพี่น้องคลานตามกันมาหรืออาจจมีเกณฑ์เดินทางเปลี่ยนแปลงโยกย้ายที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจจะยากสำหรับผู้เริ่มต้นฝึกหัดดูดวงชะตา หากสนใจดูเองควรศึกษาทำความเข้าใจ  กฎเกณฑ์ การพิจารณา ดาวจร ก็ต้องพิจารณาให้คลอบคลุมตามด้านล่าง

๑.ดาวพฤหัสบดี๕ หรือดาวอาทิตย์๑ หรือ ดาวจันทร์๒ จรเข้าภพ ทุสถานะคือ อริ มรณะและวินาศนะ และในพื้นดวงถูกเบียนจากดาวบาปเคราะห์  ถ้าดาวอาทิตย์ ๑ ถูกเบียนหนัก เรื่องราวก็อาจจะไปยังบิดา หากดาวจันทร์ ๒ ถูกเบียนหนัก เรื่องราวก็อาจจะมีแนวโน้มไปยังมารดา

๒.มีดาวบาปเคราะห์จรเข้าไปเบียนในภพที่ ๔หรือ ๙ และดาวเจ้าเรือนภพที่๔ หรือ ๙มักจะจรเข้าทุสถานะ อีกทั้งในพื้นดวงเจ้าเรือนทั้งสองมักจะถูกบาปเคราะห์จรเบียนอย่างหนัก

๓.จะต้องดูดาวเสวยอายุ เสวยแทรก ตลอดจนลัคนาจรในปีนั้น เพื่อประกอบการตัดสินใจในการพยากรณ์

๔.ดาวที่เน้นคือดาวพฤหัสบดี ๕ อันหมายถึงพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ มักจะถูกเบียนเสมอ หากแค่ ดาวเจ้าเรือนภพที่ ๔ ภพที่ ๙ ตลอดจนดาวอาทิตย์ ๑ ดาวจันทร์ ๒ ถูกเบียน แล้วดาวพฤหัส ๕ไม่ได้ถูกเบียนเลย กรณีนี้ก็อาจจะส่งผลไปในเรื่องอื่นเช่น ดาวอาทิตย์ ๑ ให้ความหมายไปถึงบุคคลอื่นในครอบครัวเช่น สามี หรือบุตรชายหรือพี่ชายหรือน้องชาย ส่วนดาวจันทร์ ๒ ก็ให้ความหมายไปถึงบุตรสาว หรือภรรยา หรือพี่สาว หรือน้องสาว จะรู้ให้แน่ก็ต้องดู ดาวเจ้าเรือนปัตนิ ดาวเจ้าเรือนปุตตะประกอบด้วยทุกครั้ง

๕. หากสงสัยว่าเรื่องราวจะไปเกี่ยวกับใครก็ต้องนำเอาดวงมาพิจารณาดูให้รู้ชัดแจ้ง เพื่อเป็นการไม่ประมาท หรือการทำใจ อันนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์เองค่ะ 


💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙❤❤❤❤💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙💙

  • ขอบคุณที่อ่านและกดติดตามในบล็อก https://zodietcwise.blogspot.com
  • เป็นเพื่อนและกดถูกใจใน FB #zodietcwise 
  • ฝากกดติดตาม IG: https://www.instagram.com/zodietcwise/
  • สนใจดูดวงนัดติดต่อ Inbox มาก่อนได้เลยจ้า ก่อนนัดทางไลน์ค่ะ
  • ไลน์ Line  https://line.me/ti/p/DxUHcrL7-M
  • ขอบคุณข้อมูล :   
  • ขอบคุณข้อมูล 
  • ขอบคุณข้อมูล  https://cf.mahidol.ac.th/th/๕-ธันวาคม-วันพ่อแห่งชาติ

  • ขอบคุณวิชาโหราศาสตร์
  • ข้อมูลตำราพรหมชาติ ฉบับสมบูรณ์, ตำราโลกธาตุ
  • ข้อมูลจากตำราอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร,  หลวงวิศาลดรุณกร(อั้น สาริกบุตร)
  • ข้อมูลอาจารย์ศ.ดุสิต,อาจารย์พันเอก(พิเศษ) เอื้อน มนเทียรทอง                              
  • ข้อมูลตำราอาจารย์พลูหลวง,
  • ข้อมูลตำราอาจารย์เล็ก พลูโต,
  • ข้อมูลตำราอาจารย์จำรัส ศิริ,อาจารย์สิงห์โต สุริยาอารักษ์,อาจารย์อักษร ไพบูลย์, และ
  • อาจารย์ประภาพร เลาหรัตนเวทย์ ,ดิสพร ตุลยนันท์( โสภณ ดิลก)
  • รวมทั้งหลายท่านอาจารย์และบรมครูโหราศาสตร์ที่อาจจะไม่ได้เอ่ยนาม ด้วยค่ะ







  • ความคิดเห็น