ไม่สร้างทุกข์ให้ตัวเอง สร้างบุญบารมี: ดวงมาตรฐาน ระบบพลูหลวง

 ไม่สร้างทุกข์ให้ตัวเอง สร้างบุญบารมี:                 

ดวงมาตรฐาน ระบบพลูหลวง



วดมนต์บทสั้นๆ หรือยาวแล้วอย่าลืมแผ่เมตตาให้ตัวเองกับสรรพสัตว์ค่ะ การสวดมนต์ไม่ว่าจะเช้า กลางวัน หรือเย็นก่อนนอน ทำให้จิตใจสงบลงได้ เวลารับฟังอะไรจะทำให้จิตมีสมาธิ คือการละวางอารมณ์ต่างๆลง ให้ข้างในเย็นขึ้น จึงทำให้เกิดปัญญา เวลารับรู้เรื่องอะไรจะมองทุกสิ่งด้วย ใจที่ปล่อยวางมากขึ้น ไม่ติดยึด หรือไม่หลงเข้าไปในวังวนของอารมณ์ต่างๆโดยง่าย ทำกิจการงานหรือรับผิดชอบใดๆก็ทำด้วยเหตุและผลทำให้เกิดสติ ไม่สร้างทุกข์ให้ตัวเองด้วยค่ะ หากมีเวลาเพิ่มเติมการทำสมาธิเจริญภาวนา ได้ค่ะ

นำมาฝากกันค่ะ ดวงมาตรฐาน ระบบพลูหลวง จะมีดาวเคราะห์เกษตรตามโคลงกลอนที่ว่า

"  ดูยศศักดิ์ให้ดูอาทิตย์,ดูรูปจริตให้ดูจันทร์,
    ดูกล้าดูขยันให้ดูอังคาร,ดูเจรจาอ่อนหวานให้ดูพุธ,                      
    ดูปัญญาบริสุทธิ์ให้ดูพฤหัส,ดูโภคสมบัติให้ดูศุกร์,                        
    ดูโทษทุกข์ให้ดูเสาร์ ,ดูมัวเมาให้ดูราหู,  
    ดูอายุให้ดูเกตุ,ดูภัยอาเพทให้ดูมฤตยู, 
    ดูสังคมเฟื่องฟูให้ดูเนปจูน, ดูสมบัติเพิ่มพูนให้ดูพลูโต,                
    ดูสินทรัพย์ลาโภให้ดูแบคคัส     "

ดาวเคราะห์ในระบบ พลูหลวงประกอบด้วย

-ดาวอาทิตย์ ๑ ธาตุประจำราศีไฟ 
-ดาวจันทร์ ๒ ธาตุประจำราศี น้ำ 
-ดาวอังคาร ๓ ธาตุประจำราศีน้ำ
-ดาวพุธ ๔ ธาตุประจำราศีดิน
-ดาวพฤหัสบดี ๕ ธาตุประจำราศีไฟ
-ดาวศุกร์ ๖ ธาตุประจำราศีลม
-ดาวเสาร์๗ ธาตุประจำราศีดิน
-ดาวราหู๘  ดาวเกตุ๙ ธาตุประจำราศีลม
-ดาวมฤตยู ๐  ธาตุประจำราศีลม  
-ดาวเนปจูน น ธาตุประจำราศีน้ำ
-ดาวพลูโต พ ธาตุประจำราศีไฟ
-ดาวแบคคัส บ ธาตุประจำราศีดิน  

สำหรับเรื่องของราศีบวก-ลบ นั้น สรรพสิ่งในโลกย่อมเป็นของคู่กันเสมอตามตำราว่า คู่ต่างตำรานั้นมีคู่มิตร หรือคู่อุปการะต่อกัน ส่วนอีกลักษณะนึงคือ คู่ศัตรูหรือคู่ปรปักษ์  เรื่องของความหมายของคำว่า ราศีฝ่ายบวก ก็คือ การเพิ่มพูน ส่วนราศีฝ่ายลบคือการลดน้อยถอยลง ซึ่ง ทั้งเรื่องของราศีบวกลบนั้คือการนำเรื่องของ ธาตุประจำราศีทั้งสี่ มาตีความ โดยที่ถือว่าธาตุไฟและดินจัดเป็นราศีฝ่ายบวกหรือฝ่ายชาย ส่วนธาตุน้ำและธาตุลมถือเป็นราศีฝ่ายลบหรือฝ่ายหญิง

การเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ต่างๆ  นั้นโดยเฉลี่ยต่อหนึ่งราศี (กรณีเมื่อเดินปกติ ) เคยได้นำเสนอไว้แล้วค่ะ อ่านเพิ่มได้ที่ #การโคจรของดาวตามคัมภีร์สุริยศาสตร์   

https://zodietcwise.blogspot.com/2019/07/blog-post_76.html  โดยสรุปดังนี้คือ

-ดาวอาทิตย์   : ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ ๓๐ วัน

-ดาวจันทร์     : ๑ ราศี ใช้เวลาประมาณ ๒.๕  วัน

-ดาวอังคาร    : ๑ ราศี  ใช้เวลาประมาณ ๔๕ วัน

-ดาวพุธ           :  ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ ๓๐ วัน

-ดาวพฤหัสบดี :  ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ  ๑    ปี

-ดาวศุกร์         :  ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ ๓๐  วัน

-ดาวเสาร์        :  ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ  ๒.๕  ปี

-ดาวราหู         :   ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ  ๑.๕  ปี

-ดาวเกตุ          :  ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ  ๒ เดือน

-ดาวมฤตยู       :  ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ  ๗ ปี

-ดาวพลูโต       : ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ ๒๐ ปีครึ่ง 

-ดาวเนปจูน     : ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ ๑๓ ปี ๙ เดือน

-ดาวแบคคัส     : ๑ ราศี ใช้เวลา ประมาณ ๕๗ ปีเศษ แต่ตำรานั้นว่าเมื่อตรวจสอบฏิทินแล้ว  มีความไม่แน่นอนตามราศี เช่นอยู่ราศีมีน ๓๐ปี, ราศีเมษ๓๒ปี, ราศีพฤษภ ๔๐ปี, ราศีมิถุน๕๕ ปี ราศีกรกฎ๗๖ปี

ระบบพลูหลวง กับ มาตรฐานของดาวเคราะห์ ต่างๆ ในเรื่องความหมายของแต่ละมาตรฐานนำมาลงเฉพาะที่มีในตำราพลูหลวง หาก ต้องการทราบมาตรฐานของโหราศาสตร์ไทยดังเดิม ขอให้อ่านได้ที่ #ตำแหน่งของดาวต่างๆ https://zodietcwise.blogspot.com/2022/03/blog-post_13.html

มาตรฐานเกษตร และมาตรฐานประ นั้น ความหมาย เกษตร คือ ความมั่นคง ความแน่นอน ความมีหลักฐาน ความกว้างใหญ่ไพศาล และความมีมานะอดทน สุดแท้แต่ดวงของผู้ใดจะได้ดาวเกษตรตัวใดครองเรือน เพราะดาวเกษตรทั้ง หลายให้คุณแก่เจ้าชาตาไม่เหมือนกัน
ส่วนความหมายประ คือ จะอยู่ตรงข้ามกับตำแหน่งดาวเกษตร ดังนั้นความหมายในทางโหราศาสตร์ก็ตรงกันข้ามด้วย ดาวประเกษตร จะมีความหมายว่าไม่มั่นคง น้อย ขาดๆหายๆ แต่ยังไม่ได้แปลว่าดี หรือไม่ดี (แต่ในอดีตทางโหราศาสตร์ไทย มักจะตีความว่า เป็นร้ายไว้ก่อน)
มาตรฐาน อุจจาวิลาศ และมหาจักร
อุจจาวิลาศ
ดาวเคราะห์ที่เป็นอุจจาวิลาศ คือดาวที่กำลังโคจรจะก้าวขึ้นไปสู่อุจจ์ และมหาอุจจ์นั่นเอง หรือเป็นตำแหน่งของราศีดวงดาวที่จะเป็นอุจจ์ และมหาอุจจ์ ซึ่งดาวกำลังเตรียมตัวจะเป็นอุจจ์ และมหาอุจจ์
มหาจักร
ที่ให้ผลออกในแนว พิศดาร โลดโผน บุกเบิกฝ่าฟัน กว่าจะสำเร็จได้ก็ต้องเสียเหงื่อไปหลายหยด..ถ้าปรากฎในดวงชะตาของใคร และเป็นดาวจ้าวเรือนที่สำคัญๆ เช่น เรือนตนุ กรรมะ รับประกันเลยเรื่องความเหนื่อย โลดโผน ในชีวิต


มาตรฐาน มหาอุจและนิจ  

มหาอุจจ์ ตามตำราโหราศาสตร์กล่าวว่า ดาวที่อยู่ในตำแหน่ง อุจจ์ คือดาวที่ขึ้นไปทางเหนือสุด อยู่สูงและมองเห็นเล็กสุด เป็นดาวที่มีกำลังสูง การให้ผลทางโหราศาสตร์ จะรวดเร็วรุนแรงไม่ว่าด้านดีหรือร้าย

นิจ จะอยู่ตรงกันข้ามกับตำแหน่ง อุจจ์ คือเป็นดาวที่อยู่ต่ำ มองเห็นเป็นดวงใหญ่ เป็นดาวที่อ่อนแรง มีไม่มีกำลัง การให้ผลทางโหราศาสตร์ ก็จะปวกเปียก อ่อนแรง ดาวที่เป็นเจ้าเรือนใดๆ ไปอยู่ในตำแหน่งนิจ จะทำให้เรือนนั้นๆ อ่อนแรงไปด้วย

มาตรฐานราชาโชค และ ดาวพระเคราะห์ล่วงหน้านิจ

ส่วนราชาโชคนั้นตำราอาจารย์พลูหลวง ยังคงใช้ แบบเดิมไม่ได้เพิ่มเติมดาวเคราะห์ท่ค้นพบใหมลงไป 

และอีกตำแหน่งคือ ดาวพระเคราะห์ที่ล่วงหน้านิจ อาจจะ ไม่เข้าใจชัดเจน แต่ความหมายของตำแหน่งนี้คือราศีดาวพราะเคราะห์หลุดออกจากการเป็นนิจ จึงมีอิสระเสรี กล้าหาญประหนึ่งออกพ้นจากคุกดังเช่นอาจารย์ท่านได้เขียนไว้

นอกจากนี้เคยเขียน เรื่องของ ร่างกาย ตามตำราพลูหลวง จากเรื่อง : ดาวเคราะห์ครองส่วนของใบหน้า-ร่างกาย  
https://zodietcwise.blogspot.com/2023/04/blog-post_23.html


  • ขอบคุณที่อ่านและกดติดตามในบล็อก https://zodietcwise.blogspot.com
  • เป็นเพื่อนและกดถูกใจใน FB #zodietcwise 
  • ฝากกดติดตาม IG: https://www.instagram.com/zodietcwise/
  • สนใจดูดวงนัดติดต่อ Inbox มาก่อนได้เลยจ้า ก่อนนัดทางไลน์ค่ะ
  • ไลน์ Line  https://line.me/ti/p/DxUHcrL7-M
  • ขอบคุณข้อมูล :   
  • ขอบคุณข้อมูล 
  • ขอบคุณข้อมูล   หนังสือโหราศาสตร์ระบบพลูหลวงโดยอาจารย์เล็ก พลูโต
  • ขอบคุณวิชาโหราศาสตร์
  • ข้อมูลตำราพรหมชาติ ฉบับสมบูรณ์, ตำราโลกธาตุ
  • ข้อมูลจากตำราอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร,  หลวงวิศาลดรุณกร(อั้น สาริกบุตร)
  • ข้อมูลอาจารย์ศ.ดุสิต,อาจารย์พันเอก(พิเศษ) เอื้อน มนเทียรทอง                              
  • ข้อมูลตำราอาจารย์พลูหลวง,
  • ข้อมูลตำราอาจารย์เล็ก พลูโต,
  • ข้อมูลตำราอาจารย์จำรัส ศิริ,อาจารย์สิงห์โต สุริยาอารักษ์,อาจารย์อักษร ไพบูลย์,และอาจารย์ประภาพร เลาหรัตนเวทย์
  • รวมทั้งหลายท่านอาจารย์และบรมครูโหราศาสตร์ที่อาจจะไม่ได้เอ่ยนาม ด้วยค่ะ







  • ความคิดเห็น