วันวาเลนไทน์ : เรือนปัตนิ เพศตรงข้าม,คู่ครองและหุ้นส่วนชีวิต 
บางส่วนจาก เพลงหนาวตัก ประกอบภาพยนต์ไทย ดรรชนีนาง อันเป็นบทประพันธ์ของ อิงอร (ศักดิ์เกษม หุตาคม) นักเขียนผู้ได้รับฉายาว่า นักเขียนปลายปากกาจุ่มน้ำผึ้ง ทั้งบทเพลงและเรื่องก็ที่เป็นโศกนาฎกรรมความรัก นำมาสร้างเป็น ภาพยนต์ หลายครั้ง โดยครั้งแรกสร้างปี ๒๔๙๖ นักแสดงนำคือคุณสวลี ผกาพันธ์ มีใครเกิดทันชมบ้าง และอีกครั้ง พ.ศ.๒๕๐๔ นำแสดงโดยคุณพิศมัย วิไลศักดิ์ อันนี้จะคลับคล้ายคลับคลาค่ะ
เรื่องของคู่รักคู่ครองนั้น ในทางโหราศาสตร์ต้องพิจารณาจากเรือนที่ ๗ คือปัตนิที่เป็นภพอยู่ตรงข้ามกับลัคนา เพราะเป็นของที่คู่กันและก็ตรงกันข้ามอีกด้วย ซึ่งมีสภาพเป็นมุมเล็ง จัดว่าเป็นมุมขัดแย้งกัน ควรพิจารณาอย่างสุขุมเพราะคู่ครองนั้นคือคู่ร่วมใจ ธรรมชาติของคู่ผัวตัวเมียต้องมีธาตุที่รวมกันเป็นหนึ่ง
การพิจารณาต้องพิจารณาถึงภพที่๗ เป็นสำคัญ ส่วนประกอบคือดาวเจ้าเรือนภพที่ ๗ และดาวลอยอันเป็นดาวอื่นมาครองภพนั้น
๑. มีดาวศุภเคราะห์มาครองชุมนุมในภพที่ ๗
๒. ดาวเจ้าเรือนภพที่๗ โคจรสัมพันธ์กับลัคนา มีจุดสัมพันธ์ถึงศุภเคราะห์ โดยเฉพาะดาวพฤหัสบดีศุภเคราะห์ใหญ่ อันมีอานุภาพ เกี่ยวกับความสมหวัง ความสำเร็จ ดาวปัตนิกุม หรือเล็ง หรือเป็นโยค หรือตรีโกณกับดาวพฤหัสบดี และมีศุภเคราะห์อื่นเสริมในมุมช่วยขนาบก็จะส่งผลดีระยะนั้น
๓.ดาวปัตนิโคจรเข้าทับลัคน์หรือ ดาวเจ้าเรือนลัคน์โคจรเข้าภพปัตนิ ได้แก่ ปีที่มีอายุเต็ม ๑๙,๓๑,๔๓,๕๕ ปีเป็นต้น หรือดาวปัตนิเดิมเข้าเรือนตนุ หรือดาวที่เสวยอายุหรือเสวยแทรกเป็นดาวเจ้าเรือนปัตนิหรือดาวลอยในเรือปัตนิ
๔.ดาวศุภเคราะห์โคจรเข้าจุดสัมพันธ์ดีกับดาวเจ้าเรือนปัตนิเดิม
๕.ดาวลอยในภพปัตนิโคจรในแง่มุมดีกับศุภเคราะห์ และโคจรสัมพันธ์กับลัคนา หรือทับลัคนา
๖.ดาวปัตนิกับดาวเจ้าเรือนลัคนาโคจรร่วมกันในภพใดภพหนึ่ง ซึ่งมีศุภเคราะห์สัมพันธ์ดีอย่างแข็งขัน
๗.ดูดาวศุกร์ในชะตา ทั้งศุกร์เดิม หรือดูศุกร์โคจรทับลัคน์หรือจรเข้าเรือนปัตนิ หรือจรสัมพันธ์ดีกับลัคน์หรือเจ้าเรือนปัตนิ ก็อาจจะมีหรือเจอะเจอคู่รัก แต่การดูความยืนยาวของความรักนั้นต้องพิจารณาเกณฑ์อื่นประกอบ
๘.ในดวงชายต้องดูจันทร์ประกอบ ดวงหญิงให้ดูดาวอาทิตย์ประกอบ
๘.๑ ในดวงชาย นั้น หากดาวจันทร์มีลักษณะต่อไปนี้คือ
-จันทร์อยู่ในมุมเด่นกับดวงชะตา คือ อยู่ในภพที่๑,๒,๕,๗,๙,๑๑ หากว่าได้กระแสดาวศุภเคราะห์มากุมหรือสัมพันธ์ให้คุณเจ้าชะตาจะมีคู่มาก
-แม้จันทร์อยู่ในภพทุสถานในดวงชาย หากแต่กถชุมกับดาวศุภเคราะห์มาก เจ้าชะตาจะมีคู่มากเช่นกันแต่มักจะมีอยู่อย่างลับๆ
-จันทร์อยู่ในภพปุตตะ ชายจะได้คู่จากบริวารหรือผู้อยู่ในปกครองดูแลของตน
-จันทร์กุมเกษตรศุภเคราะห์ในดวงชาย จะได้คู่เป็นคนมีตระกูลพร้อมด้วยคุณสมบัติและรูปสมบัติ
๘.๒ ในดวงสตรี นั้น หากดาวอาทิตย์นั้นมีลักษณะต่อไปนี้คือ
-หากอาทิตย์กุมอังคาร เสาร์ จะได้คู่เป็นพ่อหม้ายหรือหม้ายเมียเผลอ
-หากดาวอาทิตย์องศาสัมพันธ์ถึงดาวพฤหัสบดีใกล้ชิด จะได้คู่เป็นคนมีความรู้และเป็นที่พึ่งได้
-หากดาวปัตนิและดาวอาทิตย์อยู่ในภพวินาศนะ ระวังสามีจะสูญหายหรือหนีจากไป
-หากมีดาวอาทิตย์มหาอุจอยู่ภพกดุมพะ มักจะมีคู่เป็นคนมีเงิน แม้เจ้าชะตาอายุมากก็จะได้คู่หนุ่มสาวและรวยทรัพย์จนได้ ไม่ว่าภพปัตนิจะถูกเบียนขนาดไหน
ตัวอย่างที่นำประกอบได้จาก อาจารย์พันเอก(พิเศษ) เอื้อน มนเทียรทอง โหราจารย์สำนักโหรหอคำ อาจารย์ท่านพิจารณาจากดาวศุกร์ในชะตาของทั้งสองฝ่ายในการหาสมพงศ์ขดงดวงคู่รัก ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนปัตนิของดวงหญิง เป็นหลัก ศุกร์๖นั้นสถิตในเรือนกดุมพะ นับจากศุกร์ไป๔ ราศี ในภพที่ที่สี่นั้น มีราหูและเกตุกุมกันอยู่ในราศีมีนเรือนของดาว๕ พฤหัสบดี เมื่อสอบถามจาก ดู่ฝ่ายชายนั้นว่าบ้านของเขาอยู่ใกล้วัดจีนหรือวัดญวณหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าอยู่ฝั่งธนบุรีบริเวณวัดกุฎีจีน ซึ่งตรงกับราศีมีนมีดาว๕เป็นเจ้าเรือนและเป็นราศีธาตุน้ำ วัดนี้จึงอยู่ใกล้น้ำ เมื่ออาจารย์ดูดวงฝ่ายชายเอง ดาวศุกร์ในชะตา เป็นเกษตรในราศีพฤษภในเรือนพันธุของศุกร์คือราศีสิงห์มีเสาร์และจันทร์กุมอยู่ และในราศีกรกฎมีดาวอาทิตย์และพุธสถิตย์ อาจารย์ได้สอบถามฝ่ายหญิง ว่า ที่บ้านมีคูน้ำอยู่ข้างๆและมีกำแพงเก่าๆคล้ายกำแพงวังหรือไม่ ก็ได้รับการยืนยันว่ามีเพราะถิ่นเกิดคือจังหวัดนครศรีธรรมราช ใกล้ๆกับกำแพงเมืองและคูเมืองเดิม จึงเห็นว่าทั้งสองนั้นมีดวงสมพงศ์กัน
หากเคยอ่านเรือง ศุกร์โสภี สวัสดี https://zodietcwise.blogspot.com/2022/05/blog-post_21.html เคยกล่างถึง เรื่องของ ชูชก และนางอมิตดา จึงนำดวงคู่ของทั้งคู่มาเป็นตัวอย่างค่ะ
นางอมิตตาปนะนั้น อ่อนกว่าชูชกถึง ๔๑ ปี บิดา-มารดาเป็นพราหมณ์ เมื่ออายุ ๑๖ปี ได้มาเป็นเมียของชูชก ในดวงชะตาของนางอมิตตาและชูชกนั้นมีลัคาเป็นอริและมรณะต่อกัน เมื่อชูชกฝากทรัพย์ไว้ที่บ้านของนางทรัพย์ก็หมด ได้เป็นภรรยาก็เดือดร้อน เพราะไปหาทาสีทาสามาให้นาง และเมื่อรวยใหญ่ก็มาตายเพราะในดวงชูชกนั้นดาวกดุมพะคืออังคาร๓ นั้นมาอยู่เรือนกัมมะเป็นนิจ
ส่วนฝ่ายหญิงนั้นถูกเรียกว่าอมิตตาปนะ เพราะ อมิตตะแปลว่าชัง ตาปนะแปลว่าเดือดร้อน ที่ว่าชังผัว เพราะชูชกรูปไม่งามแก่หงำซ้ำเป็นขอทานด้วย ภายหลังมีสามีอีกคนเมื่อชูชกตายชื่อ เหมปารุณพราหมณ์
ดังคำพูดที่ว่า “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์” วลีอมตะจากเรื่อง “กามนิต วาสิฏฐี” นวนิยายอิงพระพุทธศาสนา เขียน Karl Adolph คาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป ชาวเดนมาร์กเขียนเป็นภาษาเยอรมัน ฉบับภาษาไทยแปลโดยเสฐียรโกเศศ–นาคะประทีป ในปี พ.ศ.๒๔๗๓ ในตอนจบของเรื่องนี้ในภาคแรก บนดินนั้น ทั้งกามนิตและวาสิฏฐีได้พลัดพรากจากกัน แต่ในภาคสอง บนสวรรค์นั้น ทั้งสองได้พบกันในสวรรค์ และท้ายสุด วาสิฎฐีได้เพ่งจิตไปเรื่อย ๆ จนเห็นความจริงของชีวิต ก็ทำให้ดวงจิตของวาสิฎฐีนั้นนิพพานไปในที่สุด ทิ้งให้กามนิตอยู่และพิจารณาต่อไปว่าวาสิฎฐ๊ก็ไม่อยู่แล้ว แม้แต่วาสิฎฐีก็ยังเป็นอนิจจัง กามนิตเริ่มคิดได้จนกระทั่งดวงจิตของกามนิตได้นิพพานตามไปในที่สุด หากสนใจลองหาอ่านดูเป็นหนังสือแนะนำให้อ่านค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น