ทิวากร และนิสากร
เรื่อง ของดาวที่สำคัญอีกคู่หนึ่ง คือ พระอาทิตย์ และพระจันทร์
โดยที่พระอาทิตย์ ๑ ถือเป็นเจ้าของระบบสุริยจักรวาล หรือระบบสุริยคติ อันหมายถึงระเบียบแบบแผนที่ส่วนต่างๆอันเกี่ยวกับดวงอาทิตย์เข้าด้วยกันตามลำดับ สุริยจักรวาลนั้นประกอบด้วย ดวงอาทิตย์เป็นประธานและมีดาวเคราะห์ คือ พูธ,ศุกร์,โลก,อังคาร,พฤหัสบดี,เสาร์ และดวงจันทร์เป็นบริวาร
ถือเป็นภาคกลางวัน และ จากราศีกุมภ์ไปถึงกรกฎถือเป็นภาคกลางคืน เรียกว่าดาวอาทิตย์เป็นปฐมใน
เหตุที่พระอาทิตย์สถิตในราศีธาตุไฟ ราศีสิงห์ซึ่งเป็นราศีชั้นสองรองจากราศีเมษมาความร้อนแรงของไฟ
อาทิตย์ในดวงชะตาผู้ใดตั้งอยู่ในตำแหน่งดีหรือกุมลัคนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าตั้งในจรราศีคือเมษและมังกรจะบันดาลในมีเกียวติยศสูงสุด ใจคอกว้างขวางเผื่อแผ่อารีเอื้อเฟื้อมีมนุษยธรรม เจตนาดี ซื่อสัตย์และจริงจังต่อเพื่อนฝูงและญาติ เป็นผู้ปฎิบัติตนตามคำพูดเสมอ สติปัญญาเฉลียวฉลาดรักอิสรภาพ เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเต็มไปด้วยขันติคือมีความอดทนเป็นผู้รักเกียรติ ในกรณีที่อาทิตย์เสื่อมจะกลายเป็นคนตรงข้าม อาจจะวางท่าหยิ่งยโส หรือฟุ้งเฟ้อหรือนิสัยค่อนข้างรุนแรง หรือการเบียนของดาวบาปเคราะห์อื่นทำให้อาทิตย์เสื่อมคุณภาพอาจจะมีโรคเกี่ยวกับหัวใจได้ค่ะ
ดาวอาทิตย์โดยสรุปมีความหมายในหลายอย่างคือ
-ในกรณีบุคคลได้แก่ผู้มีตำแหน่งประมุขของชุมชนต่างๆเช่นกษัตริย์, ประธานาธิดี, นายกรัฐมนตรี, ผู้ว่าราชการจังหวัด, กำนัน, หัวหน้าองค์กรต่างๆ, ผู้จัดการ, พ่อค้าทอง,พ่อบ้าน,หรือบิดา และอื่นๆ
สี ของอาทิตย์ได้แก่สีแดงสด ,
รสของอาทิตย์ ได้แก่รสเผ็ดร้อน,
แร่ธาตุ ที่เกี่ยวกับดาวอาทิตย์ได้แก่แร่ทองคำ,รัตน สำหรับอาทิตย์คือทับทิม,
เพศที่เกี่ยวกับดาวอาทิตย์คือเพศชาย,
นามคือ ครุฑนามตามคัมภีร์พิชัยสงคราม,อักษร ได้แก่ อ, อา, อิ, อี, อุ, อู, เอ, โอ
พระจันทร์ ๒ มีคำนิยามว่าราชินีแห่งจักรวาลค่ะ
ธรรมชาติของดาวจันทร์ ๒ เป็นแม่ธาตุดิน อุดมสมบูรณ์ ดินที่มีน้ำหล่อเลี้ยง ก่อให้เกิด
การเพาะปลูกมีความต่างจากธาตุดินแห่งดาวพฤหัสบดี ซึ่งเป็นดินแข็งขาดน้ำหล่อ
เลี้ยง จันทร์นั้นเป็นดาวบริวารของโลก และอยู่ใกล้โลกมากที่สุดจึงมีอิทธิพลอย่างมาก
อิทธิพลของจันทร์
จันทร์มีอิทธิพลแรงกล้าในวันจันทร์ จะมีอิทธิพลในเวลากลางคืนโดยเฉพาะเดือนหงาย จากขึ้น๘ ค่ำถึงแรม ๗ค่ำ จันทร์มีอิทธิพลในตรียางค์สุดท้ายของราศีต่างๆ จันทร์มีอิทธิพลเมื่อได้รับแสงจากศุภเคราะห์ โดยเฉพาะเมือจันทร์เพ็ญ และเมื่อโคจรในราศีมังกร,กุมภ์,มีน,เมษ,พฤษภ,เมถุน
ด้านดี คือ อ่อนโยนไม่ชอบขัดใจใคร, นุ่มนวล, ใจคอบริสุทธิ์, ลักษณะของจันทร์คือชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก, ชอบบริการ, มีเมตตากรุณาต่อเพื่อนร่วมโลก,
เอาใจใส่ความสุขทุกข์ของผู้อื่น
ถ้าเข้าร่วมกับดาวแข็งกร้าว เช่นดาวอาทิตย์๑ หรือดาวอังคาร ๓ จะผ่อนคลายความแข็งกร้าว ของดาวทั้งสองดวงลง ให้ใจเย็นขึ้นฟังผู้อื่นมากขึ้น ลดทิฐิมานะลง
ด้านเสีย คือ อ่อนไหว, อ่อนแอ, เชื่อคนง่าย จนถึงหูเบา, ตื่นตกใจง่าย, ใจน้อย,
ขลาดกลัว มีลักษณะเหมือนคนเป็นโรคประสาทอ่อนๆ, แง่งอน, อารมณ์เร็ว,
ชอบเพ้อฝันแต่ไม่ทำตามความคิดที่จินตนาการไว้ เมตตากรุณากระทั่งอยู่ในประเภท
ทำคุณไม่ขึ้น, โลเลใจง่าย, เอาใจยาก, กระต่ายตื่นตูม, คิดอย่างทำอย่าง, คิดเกิน
ขอบเขตทั้งๆทียังไม่เกิด
สี ของจันทร์ได้แก่สีขาว , รสของจันทร์ได้แก่ รสเค็ม,
แร่ธาตุ ที่เกี่ยวกับดาวจันทร์ได้แก่ แร่เงิน,เพชร สำหรับจันทร์คือไข่มุกขาว,
เพศที่เกี่ยวกับจันทร์คือเพศหญิง,
นามคือ พยัคฆนามตามคัมภีร์พิชัยสงคราม,อักษร ได้แก่ ก,ข,ฃ,ค,ฅ,ฆ,ง
กระแสสัมพันธ์ของดาวอาทิตย์ และจันทร์ เมื่ออาทิตย์และจันทร์ร่วมกันในระดับองศาเดียวกัน หรือ จันทร์โคจรไปเล็งอาทิตย์ ในระดับเชิงมุม ๑๘๐ องศา ผลแห่งความสัมพันธ์ ที่เป็นศุภเคราะห์ และบาปเคราะห์ ของอาทิตย์และจันทร์ นั้นมีอิทธิพลกับโลกมาก เช่น ทำให้เกิดน้ำมาก,คนป่วยก็มีอาการมากขึ้น คนวิกลจริตก็มีอาการมากขึ้น
ส่วนในกรณีที่จังหวะที่มีเชิงมุม ๐ องศาหรือ ๑๘๐ องศา แก่กัน สุขภาพมักอ่อนแอ มีเกร็ดเพิ่มเติมว่าขณะจันทร์เข้าจุดอมาวสี คนเกิดในขณะนั้นจะมีความเฉลียวฉลาดกว่าผู้ที่เกิดในขณะที่จันทร์เข้าสู่จุดปูรณมี ซึ่งขณะจันทร์เพ็ญนั้นมักจะมีความฟุ้งซ่านกว่า
อาทิตย์กับจันทร์ ร่วมกัน มักเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวดี เข้าไหนเข้าได้ เป็นคนเข้าใจและเอาใจคู่ครอง มักจะชอบทางเจ้าชู้ แต่ถ้าอยู่ในเรือนที่ ๖ หรือ ๘ ในชะตาอาจจะอายุสั้น แต่หากอยู่ในลักษณะเบียนกัน คือเป็น ๖, ๘, ๑๒ แก่กันเป็นชะตาที่อาภัพ เจ้าชะตามักจะมีความพยายามแต่จะล้มเหลว
การร่วมในลักษณะเชิงมุม ๑๒๐ องศาหรือห่างกัน ๖๐ องศาจะช่วยให้เกิดชื่อเสียง สติปัญญาและโชคลาภ การประกอบกิจการงานเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนการร่วมกันในลักษณะ ๐ องศาหรือเหลื่อมกันภายในระยะข้างหน้า ๓ องศาข้างหลัง ๓ องศาจากอาทิตย์ เรียว่าจันทร์ดับ ถือเป็นบาปเคราะห์ทำให้เจ้าชะตาพบอุปสรรคต่างๆ หรือสุขภาพไม่สมบูรณ์ หรือทำสิ่งอันใดมักไม่ถาวร
แต่หากเป็นการร่วมกันในลักษณะเล็งกัน ในระยะวันปูรมีวันเพ็ญ จะทำให้เจ้าชะตามีความผาสุขในชีวิต สามารถขจัดอุปสรรคอันตรายต่างๆได้และช่วยให้มีชีวิตสมรสที่ดี แต่ในกรณีเป็นมุม ๑๘๐ องศา จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ หรือมีระยะเชิงมุม ๙๐ องศาก็จะทำให้จิตใจมักชอบโยกย้ายเปลี่ยนแปลงเช่น ชอบเปลี่ยนงานร่ำไป
การหาตำแหน่งของจันทร์ว่าจะโคจรเข้าไปสถิตย์ราศีใดนั้นพิจารณาจากดาวอาทิตย์เป็นมูลเหตุ คือเมื่อทราบว่าดาวอาทิตย์อยู่ที่ใดแล้วจะใช้หลักเกณฑ์ดังนี้คือ
วันแรม ๑๔,๑๕ ค่ำหรือขึ้น ๑ ค่ำ จันทร์จะต้องอยู่ร่วมราศีกับอาทิตย์
วันขึ้น ๒,๓ ค่ำ จันทร์อยู่หน้าอาทิตย์ ๑ ราศี
วันขึ้น ๔,๕,๖ ค่ำ จันทร์อยู่หน้าอาทิตย์ ๒ราศี
วันขึ้น ๗, ๘ ค่ำ จันทร์จะต้องอยู่ราศีที่สามจากอาทิตย์
วันขึ้น ๙, ๑๐, ๑๑ ค่ำ จันทร์ อยู่หน้าอาทิตย์ ๔ ราศี
วันขึ้น ๑๒ , ๑๓ ค่ำ จันทร์อยู่หน้าดาวอาทิตย์ ๕ ราศี
วันขึ้น ๑๔, ๑๕ ค่ำและแรม ๑ ค่ำ จันทร์อยู่หน้าดาวอาทิตย์ ๖ ราศี
วันแรม ๒, ๓ ค่ำ จันทร์จะจรอยู่หน้าดาวอาทิตย์ ๗ ราศี
วันแรม ๔, ๕, ๖ ค่ำ จันทร์จะจรอยู่หน้าอาทิตย์ ๘ ราศี
วันแรม ๗, ๘ ค่ำ จันทร์จะอยู่ราศีที่๙ จากอาทิตย์
วันแรม ๙, ๑๐, ๑๑ ค่ำ จันทร์จะจรอยู่หน้าอาทิตย์ ๑๐ ราศี
วัแรม ๑๒, ๑๓ ค่ำ จันทร์จะจรอยู่หน้าดาวอาทิตย์ ๑๑ ราศี
โดยนับแต่ราศีที่อยู่เบื่องหน้าราศีที่ดาวอาทิตย์สถิตย์อยู่เช่น อาทิตย์อยู่ราศีเมษ ก็ให้นับราศีพฤษภเป็นต้นไป จึงเรียกว่าจันทร์จะอยู่หน้าอาทิตย์ ๑ ราศี
การคำนวณหาเวลาจันทร์ จะขึ้นหรือตกในเวลาใดนั้น การคำนวณง่ายๆคือ
-ข้างขึ้นคำนวณหาเวลาพระจันทร์ตก ส่วนข้างแรมคำนวณหาเวลาพระจันทร์ขึ้น
แล้วเอา ๘ คูณเอา ๑๐ หารได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนทุ่มโมง เหลือเศษเท่าใดเอา ๖ คูณทำเป็นจำนวนนาที นำเวลาทุ่มโมงมาแปลเป็นเวลานาฬิกา เช่น
วันขึ้น๕ ค่ำ พระจันทร์จะตกเวลาใด ก็คำนวณดังนี้คือ
๕*๘ เท่ากับ ๔๐ เอา ๑๐ หาร ได้ผลลัพธ์๔ ก็คือเวลา๔ทุ่ม หรือ ๒๒.๐๐น.
วันแรม๙ ค่ำ พระจันทร์จะขึ้นเวลาใด ก็คำนวณดังนี้คือ
๙*๘ เท่ากับ ๗๒ เอา ๑๐หาร ได้ผลลัพธ์ ๗ เศษ ๒ จำนวนผลลัพธ์ ๗คือ เวลา ๗ทุ่ม เศษ ๒เอา ๖ คูณ ได้เท่ากับ๑๒ แปลง๗ทุ่มเป็นเวลา คือ ๑.๑๒น.เป็นอันว่าวันแรม ๙ค่ำ พระจันทร์ขึ้นตอน เวลา๑.๑๒น.
ส่วนการเว้าแหว่งของพระจันทร์ นั้นจะเป็นตัวบอกว่าเป็นทิศตะวันตก เพราะเหตุว่าข้างขึ้นนั้นเมื่อพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว จันทร์จะโผล่เยี่ยมฟ้าแทน แสงสว่างของพระอาทิตย์ที่ส่องมากระทบพระจันทร์จึงเป็นทิศตะวันตก ส่วนข้างแรมนั้นจันทร์มีแสงสว่างในทางทิศใด ทิศนั้นเป็นทิศตะวันออกเพราะข้างแรมนั้นพระจันทร์เดินนำหน้าพระอาทิตย์ อาทิตย์ตามหลังแสงสว่างจึงอยู่ทางด้านทิศตะวันออก
ปุษกรจันทร์
คือองศาที่ให้คุณของจันทร์ในแต่ละราศีนับแต่ราศีเมษ
@ราศีเมษ จันทร์โคจร ตรงจุด ๒๑องศา
@ราศีพฤษภ จันทร์โคจรตรงจุด ๑๔ องศา
@ราศีเมถุน จันทร์โคจรตรงจุด ๑๘ องศา
@ราศีกรกฎ จันทร์โคจรตรงจุด ๘ องศา
@ราศีสิงห์ จันทร์โคจรตรงจุด ๑๙ องศา
@ราศีกันย์ จันทร์โคจรตรงจุด ๙ องศา
@ราศีตุลย์ จันทร์โคจรตรงจุด ๒๔ องศา
@ราศีพิจิก จันทร์โคจรตรงจุด ๑๑ องศา
@ราศีธนู จันทร์โคจรตรงจุด ๒๓ องศา
@ราศีมังกร จันทร์โคจรตรงจุด ๑๔ องศา
@ราศีกุมภ์ จันทร์โคจรตรงจุด ๑๙ องศา
@ราศีมีน จันทร์โคจรตรงจุด ๙ องศา
เรื่องของคราสโดยย่อ
เมื่อดวงจันทร์โคจรอยู่ท่ามกลางดาวอาทิตย์และโลก ดวงอาทิตย์และโลกผ่านจุดนี้เมื่อใดก็เกิดเป็นสุริยุปราคาเมื่อนั้น ถ้าว่าโลกอยู่ท่ามกลางดวงจันทร์เป็นฝ่ายตะวันออกอาทิตย์อยู่ฝ่ายตะวันตก ถ้าดวงจันทร์โคจรเข้าร่วมหรือเล็งกับจุดนี้เมื่อใด พื้นที่ลาดโคจรเสมอเป็นอันเดียวกันกับโลก ดวงจันทร์ก็ต้องผ่านเข้าในเงาโลกเกิดเป็นจันทรุปราคาเมื่อนั้น
ถ้าดวงจันทร์เดินต่ำผ่านเงาโลกทางตอนใต้ ข้างบนดวงจันทร์ก็มืดไปข้างใต้ยังสว่างอยู่ ตำราว่าจับข้างอุดร ถ้าดวงจันทร์เดินสูง ขอบวงข้างล่างผ่านเงาโลกข้างบนยังสว่างอยู่ว่าจับอยู่ข้างทักษิณ ถ้าเดินตรงกลางเสมอจุดเล็งทีเดียวก็เป็นจันทรคราสจับมืดหมดดวง เงามืดนั้นเรียกว่าฉายาเคราะห์
จันทรคราสจะมีก็ต่อเมื่อพระจันทร์โคจรมาเล็งกับพระอาทิตย์ ในวันข้างขึ้น พระจันทร์เต็มดวงให้สังเกตในวัน๑๔,๑๕ ค่ำ หรือแรม๑ค่ำ และแรม๒ค่ำ โดยต้องมีราหูร่วมหรือเล็งกับดวงจันทร์ด้วย โดยดูจากองศาของพระเคราะห์ทั้งสาม ถ้าห่างกันไม่เกิน๑๕ องศาแล้ว ควรตรวจดูว่าจะมาร่วมนวางค์กันในวันใดให้ตั้งองศาลิปดา พระเคราะห์ทั้งสามลง เอา ๖๐คูณองศาบวกลิปดาขึ้นแล้วเอา ๒๐๐ หาร ถ้ามีเศษให้เพิ่มผลลัพธ์ ขึ้นอีก๑แล้วจึงนับลงตัวนวางค์ในราศีนั้นแม้ว่าร่วมนวางศ์กันเข้าในวันใดใน ๔ วันนั้นพึงคำนวณ ในวันนั้น และกอย่างหนึ่งจะสามารถบอกการมีคราสได้แน่นอนการตรวจดูเพียรและดิถีอีกอย่างหนึ่ง อ่านเพิ่มเรื่องนี้ได้ที่ #เกร็ดเกี่ยวกับดาวจันทร์ตอนที่๑ https://zodietcwise.blogspot.com/2019/06/blog-post_67.html #เกร็ดดาวจันทร์ตอนที่๒(เรื่องของดิถี) https://zodietcwise.blogspot.com/2019/06/blog-post_90.html
-เอาสมผุสจันทร์ตั้ง เอาสมผุสอาทิตย์ลบ เศษเป็นเพียรตราไว้
-ให้เอาเพียรตั้ง เอา ๓๐ คูณราศี แล้วบวกองศาแล้วเอา ๖๐คูณบวกลิปดาขึ้น เอา๗๒๐หารลัพธืเป็นดิถีเศษเอา๑๒หารลัพธืเป็นนาทีดีถี
ส่วนสุริยุปราคานั้นให้ดูในวันแรม ๑๔,๑๕ ค่ำและขึ้น ๑,๒ค่ำ ถ้าอาทิตย์จันทร์ร่วมราศีกันและราหูร่วมหรือเล็งหรือเคียงด้วยก็ดี
รายละเอียดสามารถดูเพิ่มเติมได้ในจากคัมภีร์โหราศาสตร์ไทยในส่วนคัมภีร์สารัมถ์ ของหลวงวิศาลดรุณกร(อั้น สาริกบุตร)ค่ะ ฝากกลอนเกี่ยวกับจุดคราสไว้ค่ะ
พระสุริยเสด็จโดยจักรจร จวบจันทร์บวร
อันสิงสถิตย์ชาตา
ห้ามสิ้นอย่าถ่ายทาษา สู่ขอภริยา
ประทุษฐเช่นชูชก
ศศิรวิวารวิตก เดือนร้อนรุมอก
โดยทิศแลทางอิสาณฯ
เมื่ออาทิตย์โคจรเข้าทับจันทร์กำเนิดในดวงชะตา ขณะที่ทับเท่าองศากัน หากมีจันทร์จรโคจรเข้าไปร่วมกับดาวอาทิตย์ด้วย จันทร์นั้นจะเข้าจุดดับหรือจุดอมาวสี ตามคำกลอนที่ว่า ศศิวิวารวิตก ผลร้ายมีเกิดเช่นชูชกในเรื่องเวสสันดรชาดกที่ไปได้เมียสาว และเมียบังคับให้ไปขอสองกุมาร กัณหา-ชาลีจากพระเวสสันดร เพื่อนำมาเป็นทาส เมื่อชูชกได้ไปขอสองกุมารแล้ว ขณะเดินผ่านทางเมืองของพระราชบิดาของพระเวสสันดร ท้าวเธอเห็นสองกุมาร ก็จำได้ จึงขอถ่ายถอนจากชูชก ชูชกได้รับพระราชทานรางวัลค่าไถ่ถอนเป็นจำนวนมากพร้อมทั้งได้รับการเลี้ยงดู ทำให้เกิดความตระกละหรือโลภในการรับประทานอาหาร ทำให้เกิดโรคถึงแก่ความตายโดยไม่มีโอกาสได้เสพสุขจากทรัพย์สมบัติอันมหาศาลนั้น หากเป็นเรื่องที่อาทิตย์จรต้องโคจรผ่านจันทร์กำเนิดเป็นประจำทุกรอบปี หากไม่เกิดจุดดับดังกล่าวนี้ผลร้ายที่จะบังเกิดก็คงจะไม่มีค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น