เพราะเป็นวันเด็กแห่งชาติ เลยขอพูดถึงเรื่องของ คาถา หัวใจนักปราชญ์ (สุ จิ ปุ ลิ) นำมาแก้ไขเพิ่มเติมจาก ที่โพสต์แล้วใน เพจ FB ค่ะ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ วันที่ ๑๒ มค ๒๕๖๒
ความหมายของ แต่ละตัวย่อ
สุ ย่อมาจากคำว่า สุตตะ แปลว่า การฟัง
จิ ย่อมาจากคำว่า จินตะ แปลว่า การคิด
ปุ ย่อมาจากคำว่า ปุจฉา แปลว่า การถาม
ลิ ย่อมาจากคำว่า ลิขิต แปลว่า การเขียน
#zodietc #zodietcโหราพยากรณ์ #พยากรณ์โหราศาสตร์ไทยโซดี้แอทไวส์ #lifecoach #หัวใจนักเขียน #ดูดวง #โหราศาสตร์
ความสัมพันธ์กับดาวเคราะห์ คือ จะเห็นว่าเกี่ยวข้องกับดาวพุธ ๔ โดยตรง เพราะ ความหมายของพุธ ๔ ในแง่ของอวัยวะเกี่ยวกับการสื่อสาร ทั้งสิ้น โดย การได้ยินก็คือหู การพูดคือปาก การคิดก็คือสมอง รวมถึงการเขียนก็คือ มือ และ ควรร่วมกับดาวอื่นๆเช่นดาวพฤหัสบดีคือสร้างสมาธิ และดาวอังคารคือการลงมือทำ ร่วมทั้งดาวศุกร์คือ การสร้างสรรค์เชิงศิลปะการประยุกต์ใช้ โดยจะเรียกผู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมากๆว่าเป็นพาหุสัจจะหรือพหูสูตร หรือนักปราชญ์ จึงเรียกสุ จิ ปุ ลิ ว่าเป็นหัวใจที่ทำให้เป็นนักปราชญ์
- สุตตะ การฟัง ดูเป็นเรื่องง่ายที่จะฟังคนอื่น แต่จริงๆแล้ว คือ ความคิดของเราที่มันคิดไม่หยุด เราจะพยายามเปรียบเทียบ พยายามข้าใจ พยายามจัดเรียงความสำคัญ ว่าสิ่งนี้เราควรตั้งใจฟังหรือเปล่า เราต้องให้ความสำคัญไหม มันจะทำให้เราเสียเวลาหรือเปล่า ถ้าใจเรามัวแต่คิด เราก็จะไม่ตั้งใจฟัง ในการฟังนั้น เราต้องใช้อวัยวะทั้ง หู ตา และหัวใจ ให้ความสำคัญกับคนพูดและตั้งใจฟังด้วยมารยาท
- จินตะ การคิด ความคิดเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่คนมักใจลอย หรือคิดเรื่อยเปือยๆ ความคิดที่ควรจะฝึกให้มีคือ
สุ ย่อมาจากคำว่า สุตตะ แปลว่า การฟัง
จิ ย่อมาจากคำว่า จินตะ แปลว่า การคิด
ปุ ย่อมาจากคำว่า ปุจฉา แปลว่า การถาม
ลิ ย่อมาจากคำว่า ลิขิต แปลว่า การเขียน
#zodietc #zodietcโหราพยากรณ์ #พยากรณ์โหราศาสตร์ไทยโซดี้แอทไวส์ #lifecoach #หัวใจนักเขียน #ดูดวง #โหราศาสตร์
ความสัมพันธ์กับดาวเคราะห์ คือ จะเห็นว่าเกี่ยวข้องกับดาวพุธ ๔ โดยตรง เพราะ ความหมายของพุธ ๔ ในแง่ของอวัยวะเกี่ยวกับการสื่อสาร ทั้งสิ้น โดย การได้ยินก็คือหู การพูดคือปาก การคิดก็คือสมอง รวมถึงการเขียนก็คือ มือ และ ควรร่วมกับดาวอื่นๆเช่นดาวพฤหัสบดีคือสร้างสมาธิ และดาวอังคารคือการลงมือทำ ร่วมทั้งดาวศุกร์คือ การสร้างสรรค์เชิงศิลปะการประยุกต์ใช้ โดยจะเรียกผู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมากๆว่าเป็นพาหุสัจจะหรือพหูสูตร หรือนักปราชญ์ จึงเรียกสุ จิ ปุ ลิ ว่าเป็นหัวใจที่ทำให้เป็นนักปราชญ์
- สุตตะ การฟัง ดูเป็นเรื่องง่ายที่จะฟังคนอื่น แต่จริงๆแล้ว คือ ความคิดของเราที่มันคิดไม่หยุด เราจะพยายามเปรียบเทียบ พยายามข้าใจ พยายามจัดเรียงความสำคัญ ว่าสิ่งนี้เราควรตั้งใจฟังหรือเปล่า เราต้องให้ความสำคัญไหม มันจะทำให้เราเสียเวลาหรือเปล่า ถ้าใจเรามัวแต่คิด เราก็จะไม่ตั้งใจฟัง ในการฟังนั้น เราต้องใช้อวัยวะทั้ง หู ตา และหัวใจ ให้ความสำคัญกับคนพูดและตั้งใจฟังด้วยมารยาท
- จินตะ การคิด ความคิดเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่คนมักใจลอย หรือคิดเรื่อยเปือยๆ ความคิดที่ควรจะฝึกให้มีคือ
๑.การคิดเชิงสังเคราะห์ Critical thinking คือการไม่ด่วนสรุป ตัดสินใจสร้างทางเลือกใหม่ โดยที่ไม่คิดให้ดีก่อน หรือหลายครั้งเราก็มักจะลงมือแก้ไขปัญหานั้นทันที และสุดท้ายก็จะพบว่า เราแก้ไขปัญหาแค่ปลายเหตุ แต่ต้นตอของมันก็ยังจะก่อให้เกิดปัญหาแบบเดียวกันได้อีก
๒.การคิดเชิงกลยุทธ Strategic thinking คือเริ่มประเมินสถานการณ์จากข้อมูลใหม่ๆ และนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเรา เริ่มต้นจากการตั้งข้อสงสัย การถามว่าทำไมเราต้องทำแบบนั้น มันอาจจะทำให้คนอื่นรู้สึกรำคาญบ้าง จากนั้นให้มองดูสังเกตคนอื่นๆ ดูว่าเค้าทำยังไง เรียนรู้จากคนอื่นๆ แต่ต้องนำมาคิดในเชิงตรรกะ มีเหตุผล และปรับเข้ากับเรื่องราวของเรา
-ปุ การถาม การตั้งคำถามคือการจัดระเบียบความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เราไม่รู้ วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราค้นพบทางออก คือการตั้งคำถาม คำถามที่ดีจะช่วยให้เราแจกแจงปัญหา ค้นหาคำตอบ หาทางออกหรือเกิดไอเดียใหม่ได้ในที่สุด
-ลิ การเขียน การเขียนเป็นการจับความคิด เพราะ ธรรมชาติของความคิดเรามันจะไม่อยู่นิ่ง เรามักจะเปลี่ยนเรื่องคิดตลอดเวลา การเขียนจะบังคับใจให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับความคิดเดียว การเขียนช่วยกระตุ้นเซลสมองทำให้ความจำดีขึ้น กรณีฟุ้งซ่านยิ่งช่วยลดลงได้
เพื่อนำไปใช้ฝึกฝนกับเด็กลูกหลานหรือคนอ่านที่ยังเป็นวัยรุ่นของเราไปปรับใช้ให้เป็นคนฉลาดเฉลียวทางอารมณ์กันค่ะ
-ปุ การถาม การตั้งคำถามคือการจัดระเบียบความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เราไม่รู้ วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราค้นพบทางออก คือการตั้งคำถาม คำถามที่ดีจะช่วยให้เราแจกแจงปัญหา ค้นหาคำตอบ หาทางออกหรือเกิดไอเดียใหม่ได้ในที่สุด
-ลิ การเขียน การเขียนเป็นการจับความคิด เพราะ ธรรมชาติของความคิดเรามันจะไม่อยู่นิ่ง เรามักจะเปลี่ยนเรื่องคิดตลอดเวลา การเขียนจะบังคับใจให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับความคิดเดียว การเขียนช่วยกระตุ้นเซลสมองทำให้ความจำดีขึ้น กรณีฟุ้งซ่านยิ่งช่วยลดลงได้
เพื่อนำไปใช้ฝึกฝนกับเด็กลูกหลานหรือคนอ่านที่ยังเป็นวัยรุ่นของเราไปปรับใช้ให้เป็นคนฉลาดเฉลียวทางอารมณ์กันค่ะ
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น