ดาวอังคาร ๓ กับการโคจรวิกลคติ
อัตราการเดินปกติของดาวอังคาร ๓ โคจรวันละ ๔๕ ลิปดา
เดินใน ราศีพฤษภ มาตั้งแต่วันที่ ๙ สค ค่ะ จะเริ่มเดินมนฑ์ ๑๓ กันยายน จนกระทั่ง
๑.ยกเข้าสู่ ราศีมิถุน ๓ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา๐๒.๐๓น. มนฑ์ ไปจนถึง ๘ ตุลาคม พอ ๙ตค ก็เริ่มพักรจน
๒.ยกเข้าสู่ ราศีพฤษภ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เวลา๐.๐๙ น. พักร ไปจนถึง ๑๖มกราคม ๒๕๖๖ จนถึง ๘ กพ ๖๖ จะเดินหน้าอีกครั้ง
ดาวอังคาร เป็นดาวธาตุลม เป็นดาวแห่งพลังงาน หมายถึง ผู้ชาย วัยฉกรรจ์ สามี การกระทำ การงาน ความขยัน กล้าแข็ง กล้าหาญ เอาจริงเอาจัง กระตือรือร้น ภาระ การคำนวณการคาดการณ์ ในทางร้ายคือ ความรุนแรง แตกหัก ความขัดแย้ง การต่อสู้ แข่งขัน อุบัติเหตุ กะทันหัน ทำลาย สิ่งของคือ โลหะ อาวุธ เครื่องจักรกล หมายถึงโลหิต
ในช่วงราศีพฤษภ ดาวอังคารเป็นราชาโชคและ เป็นประในที่เดียวกัน อังคารดวงนี้เลยกะล่อนเป็นไ ด้ทั้ง ๒ ตำแหน่ง เหมือนสวมหมวก ๒ ใบ ตัวเองก็จะรู้หลบเป็นปีกรู้ หลีกเป็นหาง เอาตัวรอด สามารถปรับตัวได้ ตำแหน่งราชาโชคก็คือมีโลกส่ วนตัวในการทำหรือปฏิบัติในส ิ่งที่ตัวเองชอบ เป็นประเกษตรก็คือเมื่อทำไป ได้ระยะเวลาหนึ่งพอเบื่อขึ้ นมาก็หยุดทำ เหมือน คนขี้เกียจแต่ไม่ใช่ จะทำเท่าที่รับผิดชอบ
ส่วนในราศีมิถุน นั้นดาวอังคารในราศีเมถุนเป็นเร ือนคู่ศัตรูในแง่ของวาจา เพราะ เป็นเรือนธาตุลมเท่ากับลมใน ธาตุลม เป็นคนโผงผาง พูดตรงไปตรงมา ปฏิภาณไหวพริบดี สติปัญญา เฉลียวฉลาด คิดเร็ว พูดเร็ว โต้ตอบว่องไว พูดตรง ชอบพูดเสียดสี พูดส่อเสียดไม่ถึงกับพูดคำห ยาบ เป็นคนมีความรู้รอบตัว คิดไวพูดไว
การจรมนท์หรือพักรของดาวอังคาร ๓ซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์นั้นมีคำทำนายเป็นบทกลอนตามคัมภีร์พระอภิธรรมอรรถสาลินีของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ไว้ในทางร้ายหรือเสื่อมถอยคุณภาพ คือ
ดาวอังคารพักรมีศึกต่างเมืองมา อังคารเสริดนั้นท่านว่าเกิดยุคเข็ญ
อังคารมนฑ์จะวิกลบังเกิดเป็น มหาชนเกิดเข็ญออกฝีตาย
จะเจ็บท้องลงแดงเสียมาก ความทุกข์ยากในมนุษย์สิ้นทั้งหลาย
พระเสาร์แลอังคารท่านภิปราย พักร์ในราศีร้ายจำเพาะมี
คือพฤษภ,สิงห์,มีน,ธนูพักร ว่าร้ายนักทำนายไว้สี่ราศี
จะเกิดฉิบหายวายชีวี พระธรณีดูดกินซึ่งเลือดคน
พูดถึงการโคจรพักร คือถ้าพักรในจังหวะให้คุณก็ให้แรง แต่ถ้าพักรในฐานให้โทษก็ให้แรง อาจารย์เทพย์ สาริกบุตรท่านกล่าวว่าตามที่ได้สังเกตุมาขณะที่มีวิถีจรพักร เมื่อย่างสู่ราศีที่แรกเป็นปกติมักจะยังไม่บันดาลผลให้ต่อเมื่อโคจรผ่านพ้นไปและแปรวิถีจักรพักรกลับ ระยะที่พักรนี้จะบันดาลผลออกมาทันที
ซึ่งคงต้องดูว่า สำหรับดวงชะตาแต่ละท่านนั้นหากดาวอังคารจรในลักษณะมุมบีบหน้าลัคนาหรือหลังลัคนากับดาวบาปเคราะห์ในเรือนที่๒และเรือนที่๑๒ นั้น มีพระเคราะห์ที่อยู่หน้าลัคนานั้นเป็นพระเคราะห์ที่มีวิถีจักรโคจรพักรและพระเคราะห์ที่ตามหลังนั้นเป็นพระเคราะห์ที่โคจรตามปกติคือเวียนอุตราวรรต ดาวเคราะห์ทั้งสองนั้นกำลังเคลื่อนบีบเข้าหากันทั้งสองด้าน ด้วยหรือไม่ นอกจากนี้การเดินพักรแล้วกระทบหรือสัมพันธ์กับดาวอื่นที่ดีในชะตาก็จะทำให้เกิดผลไม่ดีตามมา จะไม่ดีอย่างไรก็ต้องไปดูว่าดาวที่ถูกสัมพันธ์นั้นทำหน้าที่อะไรและดาววิกลคติที่ไปทับนั้นทำหน้าที่อะไร สรุปแนวทางการตีความหมายในการทำนายลักษณะวิกลคติ ของอาจารย์ศ.ดุสิต ดังนี้
๑.มนฑ์ คือนิ่งอยู่กับที่หรือเดินช้ามาก หมายถึงความไม่ก้าวหน้า,ความล่าช้า,สิ่งที่ต้องรอคอย,ความทุกข์ทน,ความยาวนาน
๒.พักร คือ ถอยหลัง หมายถึงความบิดเบี้ยวพิกลพิการ,ความเชื่องช้า,ความไม่ก้าวหน้า,การบิดเบือนต่างๆ,ความผิดหวังหรือทำสิ่งที่ง่ายให้เป็นเรื่องยาก หรือย้อนไปแก้ไขหรือซ่อมแซมหรือผ่อนสั้นผ่อนยาวหรือ ไปฟื้นฟูหรือพักผ่อนสำหรับอังคาร
๓.เสริด คือ เดินเร็วมาก หมายถึงความเร่งร้อน,ความผิดพลาดที่มีโอกาสเกิดขึ้นสูง,สิ่งที่จะมาถึงในเร็ววัน,การดิ้นรน ในด้านดีคือความกระฉับกระเฉง,กระชุ่มกระชวย,หรือกระปรี้กระเปร่า
อีกเรื่องนึงที่บรมครูโหราจารย์ทั้งหลายได้กล่าวคือการที่ดาวมีแรงเอื้อมที่จะส่งกระแสไปข้างหน้าค่ะ ตามที่ทราบกันคือส่งไปเมื่อราศีนั้นมีดาวลอยอยู่(จรหรือเดิมก็ได้) ส่งไปเพื่อเพิ่มความหมายของดาวนั้นกับดาวเดิมหรือจรในภพนั้นๆ
ในกรณีของดาวอังคารนั้น การส่งกำลังของดาวเคราะห์ เท่าที่สามารถส่งกำลังไปได้อย่างเต็มที่นั้นนอกจากดาวเคราะห์ที่อยู่ร่วมราศีกันแล้ว ยังมีการส่งกำลังไปถึงกันได้อีก กฎการที่ดาวเคราะห์สามารถส่งกำลังไปถึงอีกดาวเคราะห์หนึ่งได้นี้ เรียกตามศัพท์โหราศาสตร์ว่าเกณฑ์ ดาวอังคาร ส่งกำลังได้เต็มที่เมื่อเป็นเกณฑ์ ๔ และเกณฑ์ ๘
หรือเรียกว่ามีแรงเอื้อมที่จะส่งกระแสไปยังราศีที่๔และ๘ ดังนั้นทิศทางของกระแสก็ย่อมเปลี่ยนไปตามทิศทางที่ตัวเองมุ่งหน้าด้วยค่ะ แต่การใช้ทิศทางแรงเอื้อมทำนายชะตาประกอบก็ต้องดูหลายอย่างประกอบกันค่ะ เพราะการเดินย้อนหลังนั้นในบางตำราว่ากำลังของดาวเองก็จะลดลง ดังนั้นดาวบาปเคราะห์หากอยู่ตำแหน่งให้โทษเมื่อกระทบดาวเดิมหรือดาวจร(ที่เป็นคู่ศัตรู)ก็จะมีลักษณะหน่วงช้า เช่นกันกับดาวศุภเคราะห์เมื่อกระทบดาวเดิมหรือดาวจร(ที่เป็นคู่มิตรหรือคู่สมพล)หากจะใ้ห้คุณก็จะไม่ให้เติมที่หรือเป็นลักษณะทางอ้อมค่ะ ในการประกอบคำทำนายต้องดูประกอบกันหลายส่วนทั้งตำแหน่งของดาวนั้นและดาวเดิมและความหมายของเรือนภพนั้นได้
สำหรับช่วงการพักร ใน ราศีมิถุน ในวันที่ ๙ ตค นั้น ( ๓ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา๐๒.๐๓น. มนฑ์ ไปจนถึง ๘ ตุลาคม) แรงเอื้อมจะส่งไปยังราศี กุมภ์และ ตุลย์
ราศีพฤษภ (๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เวลา๐.๐๙ น. พักร ไปจนถึง ๑๖มกราคม ๒๕๖๖) แรงเอื้อมจะส่งไปยังราศี มีน และ พิจิก
พิจารณาแต่ละลัคนาราศีแล้ว คำทำนายของดาวอังคารจะสื่อความหมายโดยกว้างในเรื่องตามภพ สามารถอ่านความหมายของภพได้ที่ ทวาทศภพทั้งสิบสองในจักรราศี #zodietcwise https://zodietcwise.blogspot.com/2020/10/zodietcwise.html
ราศีเมษ มีดาวอังคารเป็นตัวแทนเรือนตนุลัคน์ (ตัวตน) และเรือนมรณะ
ราศีพฤษภ มีดาวอังคารมาจาก เรือนปัตนิ(คุ่ครอง,หุ้นส่วน,คู่สัญญา) และวินาสน์
ราศีมิถุน มีอังคารมาจากเรือนอริ (บริวาร,สัตว์เลี้ยง,โรคภัยไข้เจ็บ) และลาภะ
ราศีกรกฎ มีอังคารมาจากเรือนกัมมะ(การงาน,อาชีพ)และปุตตะ (บุตร,น้อง,ความรัก,การได้สิ่งใหม่ๆ)
ราศีสิงห์ มีอังคารมาจากเรือน พันธุและศุภะ
ราศีกันย์ มีอังคารมาจากเรือนสหัชชะ(การเดินทางระยะใกล้,เพื่อน,การติดต่อ) และมรณะ
ราศีตุลย์ มีอังคารมาจากเรือน กดุมพะ และปัตนิ
ราศีพิจิก มีดาวอังคาร เป็นตนุลัคน์ พิจารณาตัวเองเป็นหลัก และเรือนอริ
ราศีธนู มีดาวอังคารมาจากเรือนวินาสน์ และ ปุตตะ
ราศีมังกร มีดาวอังคารมาจากเรือน พันธุ และ ลาภะ
ราศีกุมภ์ มีดาวอังคารมาจาก เรือน สหัชชะและกัมมะ
ราศีมีน มีดาวอังคารมาจากเรือนกดุมพะและศุภะ
พยายามใช้ พลังงานในทางที่เกิดประโยชน์ หรือหากต้องพักผ่อนหรือปลีกตัวเพื่อความสงบก็ใช้ช่วงที่เดินย้อนเนี่ยเลยค่ะ กรณี ดันทุรังช่วงพักรของดาวอังคาร มีโอกาสเกิดเรื่องราวกระทบกระทั่งเยอะหรือบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ หรือตามความความหมายด้านร้ายของอังคารด้านบนได้ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น