สารทจีน- สารทไทย

สารทจีน -สารทไทย

สำหรับวันสารทจีน หรือ中元节 Zhōngyuánjié จงเยวียนเจี๋ย ปีนี้ตรงกับ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๗ ซึ่งเป็น วันเฉลิมฯ วันแม่ ศุกร์ที่๑๒ สิงหาคม ค่ะ เป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยพิธีเซ่นไหว้ เพราะความเชื่อถือว่าเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้ 

การไหว้เคารพ บรรพบุรุษ ต้องมีการเตรียของไหว้สารทจีน ซึ่งประกอบด้วยการไหว้ ๓ ชุด คือไหว้เจ้าที่ ช่วงเช้าถึงก่อนเที่ยง ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้สัมภเวสี ดังนั้นการเตรียมอาหารจึงมีความสำคัญ

โดยส่วนใหญ่ของเซ่นไหว้ที่ใช้ในวันสารทจีนจะประกอบด้วยอาหารคาว-หวาน และผลไม้ ได้แก่ ไก่ เป็ด หมู ปลา ไข่ ขนมเทียน ขนมกุยช่าย ขนมถ้วยฟู ขนมเปี๊ยะ ผลไม้หลายชนิด และกระดาษเงินกระดาษทอง และต้องมีขนมเทียน ขนมเข่ง ซึ่งต้องแต้มจุดสีแดงไว้ตรงกลาง เนื่องจากชาวจีนมีความเชื่อที่ว่าสีแดงเป็นสีแห่งความเป็นศิริมงคล


ส่วนสารทไทยนั้น ก็ เป็นประเพณีสำคัญที่จัดขึ้นเพื่อทำบุญอุทิศแก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วเช่นกัน ตรงกับวันสิ้นเดือน ๑๐ หรือ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเป็นช่วงที่พืชพันธุ์ธัญญาหารกำลังออกดอกออกผล ปีนี้ตรงกับวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๕

ประเพณีของสารทไทยมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากหนังสือของนางนพมาศ โดยคำว่าสารทเป็นภาษาอินเดียแปลว่า ฤดู ศาสนาพราหมณ์ได้เผยแพร่พิธีกรรมต่างๆเข้ามาในประเทศไทย    รวมทั้งสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ทำนาเป็นอาชีพหลักในช่วงเดือน ๑๐ นี้ ได้ปักดำข้าวกล้าลงในนาหมดแล้ว กำลังงอกงาม และรอเก็บเกี่ยวเมื่อสุก จึงมีเวลาว่างพอที่จะทำบุญเพื่อเลี้ยงตอบแทน และขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือแม่พระโพสพ หรือผีไร่ ผีนา ที่ช่วยรักษาข้าวกล้าในนาให้เจริญงอกงามดี และออกรวงจนสุกให้เก็บเกี่ยวได้ผลผลิตมาก 

ขนมที่ทำขึ้นในช่วงเทศกาลสารทไทยก็คือ กระยาสารท และบางท้องถิ่นนิยมรับประทานกับกล้วยไข่ มีกล่าวถึงในนิราศเดือนว่า  

ถึงเดือนสิบเห็นกันเมื่อวันสารทใส่อังคาสโภชนากระยาหาร
กระยาสารท กล้วยไข่ใส่โตกพานพวกชาวบ้านถ้วนหน้าธารณะ

ขนมกระยาสารทเป็นขนมโบราณ มีความพิเศษตรงที่เป็นขนมสำหรับงานบุญประเพณีของไทย เรียกได้ว่าเป็นขนมที่มีประเพณี และวันเวลาเป็นของตัวเองชัดเจนมากเลยทีเดียว จนอาจจะทำให้หลายคนนึกสงสัยขึ้นมาได้ ว่าทำไมขนมกระยาสาทรหอมหวานที่เป็นแพเหนียว ๆ นี้ จึงมีความสำคัญมากเสียจนต้องจัดพิธีทำบุญด้วยขนมกระยาสารท ต้องเล่าย้อนไปในประวัติศาสตร์ค่ะว่า 

ย้อนถอยหลังไปนับจากกัปนี้ไปอีก ๙๑ กัป เมื่อพระพุทธวิปัสสี่ ได้เกิดขึ้นในโลก มีพี่น้องสองคนชื่อ มหากาลเป็นพี่ และจุลกาลเป็นน้องทำการเกษตรกรรมร่วมกันปลูกข้าวสาลีบนที่ผืนเดียวกัน จุลกาลนั้นเห็นว่าข้าวสาลีที่กำลังท้องนั้นมีรสหวานอร่อย เห็นว่าควรนำข้าวนั้นไปถวายแด่พระสงฆ์ จึงนำความไปปรึกษากับมหากาลพี่ชาย แต่มหากาลไม่เห็นด้วยเนื่องจากไม่เคยมีผู้ใดเคยทำมาก่อน อีกทั้งก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น แต่จุลกาลมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะนำ

ข้าวไปถวายแด่พระภิกษุ มหากาลจึงแบ่งที่ดินออกเป็น ๒ ส่วน ของตนส่วนหนึ่งและของจุลกาลส่วนหนึ่ง ซึ่งจะนำข้าวส่วนนั้นไปใช้กิจอันใดก็ได้ จุลกาลจึงนำเมล็ดข้าวที่กำลังตั้งท้องมาผ่านำเมล็ดข้าวต้มกับน้านมสด ใส่เนยใส น้ำผึ้ง น้ำตาลทรายกรวด เมื่อเสร็จแล้วจึงนำไปถวายแด่พระสงฆ์ เมื่อถวายภัตตาหารเหล่านี้แด่พระสงฆ์ จุลกาลได้ทูลความปราถนาของตนกับพระพุทธเจ้าว่า "ด้วยศัพภสลีทานนี้จงเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าบรรลุธรรมวิเศษก่อนชนทั้งปวง" เมื่อจุลกาลเสร็จธุระจากการถวายภัตตาหารแด่ภิกษุจึงกลับไปดูนาของตนก็พบว่าข้าวสาลีในนานั้นมี ความเจริญงอกงามสมบูรณ์เป็นอย่างมากต่อมาเมื่อข้าวสาลีเจริญขึ้นจนเป็นข้าวเม่า จุลกาลก็นำไปถวายพระสงฆ์อีก และได้ทำต่อมาอีกหลายครั้ง คือเมื่อเก็บเกี่ยวข้าว เมื่อทำเขน็ด เมื่อทำฟ่อน เมื่อขนไว้ในลาน เมื่อนวดข้าว เมื่อรวมเมล็ดข้าว เมื่อขนขึ้นฉาง รวมทั้งหมด ๙ ครั้งแต่ข้าวในนาของจุลกาลกลับอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้นมิได้ขาดหายไป ต่อมาจุลกาลได้มาเกิดเป็นพระอัญญาโกณฑัญญะ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศศาสนาด้วยผลบุญห่งการถวายข้าวแด่พระสงฆ์ ท่านอัญญาโกณฑัญญะจึงเป็นบุคคลแรกที่สำเร็จมรรคผลบรรลุธรรมวิเศษก่อนคนทั้งปวงตามที่ได้ปรารถนาไว้ในแต่ชาติจุลกาล 

ประเพณีสารทไทยปัจจุบันจะมีแตกต่างกันไปตามภูมิภาคค่ะ  บางคนก็มีเชื้อสายไทย-จีนอาจจะมีญาติทำทั้งสองพิธีหรือพิธีเดียวก็แล้วแต่ปฏิบัติกันค่ะ 



 ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

  • ขอบคุณที่อ่านและกดติดตามในบล็อก https://zodietcwise.blogspot.com
  • เป็นเพื่อนและกดถูกใจใน FB #zodietcwise 
  • ฝากกดติดตาม IG: https://www.instagram.com/zodietcwise/
  • สนใจดูดวงนัดติดต่อ Inbox มาก่อนได้เลยจ้า หรือ เชิญปรึกษาดวงชะตาติดต่อได้ทาง ไลน์ Line                                                         https://line.me/ti/p/DxUHcrL7-M
  • ขอบคุณข้อมูล :วิกิพีเดีย เรื่องนางนพมาศ หรือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์  , 
  • ขอบคุณข้อมูล http://www.phaikhwang.go.th/index.php?options=newsall&mode=detail&id=1542                    
  • ขอบคุณวิชาโหราศาสตร์
  • ข้อมูลตำราพรหมชาติ ฉบับสมบูรณ์, ตำราโลกธาตุ
  • ข้อมูลจากตำราอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร,
  • ข้อมูลอาจารย์ศ.ดุสิต,                                
  • ข้อมูลตำราอาจารย์พลูหลวง,
  • ข้อมูลตำราอาจารย์เล็ก พลูโต,
  • ข้อมูลตำราอาจารย์จำรัส ศิริ,อาจารย์อักษร ไพบูลย์,และอาจารย์ประภาพร เลาหรัตนเวทย์
  • รวมทั้งหลายท่านอาจารย์และบรมครูโหราศาสตร์ที่ได้เอ่ยนามแล้วและไม่ได้เอ่ยนามด้วยความเคารพอย่างสูงไว้ณที่นี้

  • ความคิดเห็น