เริ่มเขียน วันพุธ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือนเก้า(๙) ปีขาล (๓สค ๒๕๖๕)
เรือนมรณะ ภพ๘ ราศีบอกสมมติฐานโรคและความเจ็บป่วย
มรณะ เป็นภพที่๘ จากลัคนาถือเป็นหนึ่งในภพทุสถานะ ในเชิงร้าย เป็นตำแหน่งที่ให้โทษแก่ชะตาเพราะเป็นมุมปลายหอก ๒๑๐ องศา ความหมายแบบกว้างมากคือ ความตาย ความเจ็บไข้ และมรดก พินัยกรรม
ราศีบอกสมมติฐานโรคและความเจ็บป่วย สำหรับประเด็นการพิจารณารื่องนี้ เพราะภพนี้คือภพที่๘ ในตำราใช้นำมาพิจารณา บางครั้งเจ้าชะตาได้รับความทรมานจากโรคหนึ่งอยู่ ถึงเวลาจะตายหาได้ตายจากโรคที่ตนมีอยู่ การมีภพนี้ในจักรราศีจึงสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางบอกเหตุการตายได้ ในทางโหรภารตะนั้นจะเอาภพที่๒ คือกดุมพะมาร่วมพิจารณาด้วยค่ะ สรุปว่า ราศีที่ลัคนาบังคับให้เป็นเรือนมรณะคือโรคที่ปรากฎแก่ราศีนั้นนำไปสู่การมรณะหรือสิ้นอายุขัยของเจ้าเรือน โดยตามไปดูว่าเจ้าเรือนมรณะไปอาศัยราศีใดถือเอาราศีนั้นมาพิจารณาร่วมกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้คือ
๑.ควรพิจารณาว่ามีบาปเคราะห์ร้าย (หากยิ่งหลายดวง)มาทับลัคน์และถ้ามาจากดาวมรณะควรจะพิจารณาให้มากๆ
๒.ควารพิจารณาว่ามีบาปเคราะห์ (หากยิ่งหลายดวง) ทำมุมเล็ง,ปลายหอก,กากะบาด ล้อมลัคน์
๓.ดูลัคนาจรหรือดาวเจ้าเรือนลัน์จรอยู่เรือนมรณะหรือจรร่วมกับดาวมรณะในพื้นดวงเดิมหรือไม่
๔.ดูว่ามีดาวเสวยอายุเป็นดาวบาปเคราะห์หรือไม่ก็เป็นดาวเจ้าเรือนภพทุสถานภพหรือดาวลอยในภพทุสถาน(อริ-มรณะ-วินาสน์) พึงตั้งข้อสังเกตุ เรื่องความเจ็บป่วย
๕.กรณีมีดาวอังคาร ๓ ซึ่งเป็นดาวฆาตมักจะทับลัคน์ หรือจรร่วมกับเจ้าเรือนลัคน์หรือทำมุมให้โทษกับลัคน์หรือดาวเจ้าเรือนลัคน์
สัมพันธภาพระหว่างเรือนมรณะกับเรือนอื่นๆ เมื่อดาวมรณะอยู่ในเรือนต่างๆ ความหมายต่างๆ อาจจะตรงกับแต่ละคนในบางส่วนหรือไม่ตรงเลยนะคะ
-มรณะ - ลัคน์ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
ชีวิตอาจจะพบการสูญเสียพลัดพรากได้ หรือ การผ่าตัด หรือมีโรคภัยไข้เจ็บ หรืออาจจะอายุสั้นประสบอุบัติเหตุ หรือร่างกายอาจจะพิการ หรือทำอะไรล้มเหลว หรือมีมิติที่เร้นลับได้ง่าย
-มรณะ-กดุมพะ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
ไม่ขี้เหนียวหรือใจดี หรือใช้เงินเก่งหรือเก็บเงินไม่อยู่ หรือชอบช่วยเหลือผู้อื่น หรือ มักจะถูกเบียดเบียน จากคนอื่น หรือถูกลักขโมยหรือถูกโกง
-มรณะ-สหัชชะ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
ไม่ค่อยมีเพื่อนหรือคบค้าสมาคมกับใคร หรือต่างคนต่างอยู่กับพี่น้อง หรือเพื่อนบ้าน หรือ ทั้งที่อาจจะมีพี่น้องญาติมาก หรือมักเดินทางบ่อยๆเพราะการงาน
-มรณะ-พันธุ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
เป็นลูกคนเดียวหรือพลัดพรากจากบิดา-มารดา หรือมักโยกย้ายที่อยู่อาศัย หรือไปอยู่ต่างแดน หรือย้ายบ้านบ่อย หรือการใช้ยานพาหนะต้องระวังอุบัติเหตุจากการเดินทาง
-มรณะ-ปุตตะ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
อาจจะไม่ค่อยมีโชคฟลุ๊คๆทางการพนัน หรือการเสี่ยง หรือการชิงโชค หรือมีบุตรยากหรือมีแล้วเลี้ยงยากหรือ บริวารสัตว์เลี้ยง
-มรณะ-อริ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
ตำราว่าดี เพราะจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ปัญหาอุปสรรค แต่อย่างไรก็ต้องยังถือเป็นมุมปลายหอกตามภาพ ก็ยังอาจทำร้ายดวงชะตาได้
-มรณะ-ปัตนิ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
ต้องระวังเพราะเท่ากับมรณะมาเล็งลัคน์ด้วย หรืออาจจะผิดหวังเรื่องเกี่ยวกับคู่ครอง หรือความรัก หรือการแต่งงาน หรือมีคู่มาก หรือไม่มีคู่ หรือมีโอกาสเลิกราหย่าร้างพลัดพราก หรือตายจากกันก่อนวัยอันควร
-มรณะ-มรณะ (เกษตร)ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
เป็นตำแหน่งทำมุมปลายหอกกับลัคน์เช่นกัน จึงส่งผลกับเจ้าชะตาในเชิงเปลี่ยนแปลงสถานะบ่อยครั้ง และเมื่อดาวเกษตรมรณะจรไปในเรือนใดทับดาวใดจะให้โทษรุนแรงแก่เรือนนั้นๆ ในเรื่องเช่นโรคภัยไข้เจ็บที่รักษาไม่หาย หรือพิกลพิการหรือชีวิตล้มเหลวบ้าง
-มรณะ-ศุภะ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
จะกระทบเรือนศุภะ อาจจะทำให้มี โรคเรื้อรัง หรือเรื่องถูกใส่ร้าย หรือล่าช้าในความสำเร็จสมหวัง หรือไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือหรือปรานีจากผู้ใหญ่เจ้านายหรือไม่ค่อยมีที่พึ่งพา
-มรณะ-กัมมะ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
มักจะเปลี่ยนงานบ่อยหรือเรียนมาอย่างนึงทำอีกอย่างนึง หรือคกงานบ่อย หรือทำงานเกี่ยวกับความเป็นความตาย หรือของเก่าโบราณ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือพระเครื่องของขลัง หรือวิญญาณ
-มรณะ-ลาภะ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
จะคล้ายๆ มรณะ-ปุตตะ หรือลาภผลจากการเสี่ยงจะมีน้อย-ไม่มี หรือไม่ค่อยมีโชคลาภ
-มรณะ-วินาสน์ ความหมายคำทำนายได้กว้างๆคือ
ตำราว่าควรระวังเรื่องโรคภัยรักษาหายยาก เป็นเรื้อรัง หรือมักเป็นคนเก็บความลับไม่อยู่ หรือถูกเปิดโปงความลับ
ดาวต่างๆในเรือนมรณะ
ดาวอาทิตย์ ๑ ความหมาย กว้างๆ อาจจะตรงบางส่วนหรือไม่ตรงเลยค่ะ
มักจะทำตัวง่ายๆไม่ถือเกียรติ หรือคบคนได้ทุกวรรณะหรือ สมถะไม่เอาเรื่องกับใคร หรืออาจจะกำพร้าบิดา ไม่มีลาภลอยหรือ สายตาผิดปกติหรือ อาจจะเลิกกับสามี หรืออาจจะมีปัญหาโรคหัวใจ
ดาวจันทร์ ๒ ความหมาย กว้างๆ อาจจะตรงบางส่วนหรือไม่ตรงเลยค่ะ
อาจจะพลัดพรากจากแม่หรือกำพร้ามารดาหรือไม่ลงรอยกับมารดา หรือครอบครัวมักทะเลาะกัน หรือมักเดินทางบ่อยๆอยู่ไม่ติดบ้าน หรือเพื่อนบ้านสร้างความเดือดร้อนหรือ ระวังโรคทางทรวงอกหรือ ปอดหรือ ระบบการหายใจ
ดาวอังคาร ๓ ความหมาย กว้างๆ อาจจะตรงบางส่วนหรือไม่ตรงเลยค่ะ
ชอบทำตัวสบายๆไปวันๆ หรือไม่ชอบทำงานหนักหรือไม่ชอบรับผิดชอบงานมากนัก หรือไม่เอาจริงเอาจังหรือมักขี้เกียจ หรือไม่มีโรคภัยเบียดเบียน แต่อาจจะมีการผ่าตัดครั้งใหญ่ในชีวิตอย่างน้อยหนึ่งครั้ง หรือมีโรคเกี่ยวกับกระดูก ปากและฟัน อวัยวะสืบพันธุ์
ดาวพุธ ๔ ความหมาย กว้างๆ อาจจะตรงบางส่วนหรือไม่ตรงเลยค่ะ
พูดตรงหรือโผงผางหรือพูดไม่เข้าหู หรือการทำเอกสารสัญญาใดๆต้องรอบคอบ ส่วนโรคต้องระวังเรื่อง กะเพราะอาหาร หรือลำไส้หรือตับหรือมดลูก หรือหากมีโรคร้ายใดๆก็มักจะหายขาด
ดาวพฤหัสบดี ๕ ความหมาย กว้างๆ อาจจะตรงบางส่วนหรือไม่ตรงเลยค่ะ
มักจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่หรือ ถูกคนใส่ร้ายป้ายสี หรือมีคดีความต้องขึ้นโรงขึ้นศาลหรือมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง หรือ ระวังโรคผิวหนัง และช่วงขาเหนือเข่า
ดาวศุกร์ ๖ ความหมาย กว้างๆ อาจจะตรงบางส่วนหรือไม่ตรงเลยค่ะ
มีปัญหาเรื่องความรักหรือคู่ครองหรืออาภัพคู่หรือพลัดพรากจากคู่คนรัก
ดาวเสาร์ ๗ ความหมาย กว้างๆ อาจจะตรงบางส่วนหรือไม่ตรงเลยค่ะ
การงานอาจจะเกี่ยวข้องกับความเก่า โบราณ การเจ็บป่วยหรือตาย การสูญเสีย การซ่อมบำรุง หรือเป็นคนไม่ทุกข์ไม่เศร้าหรือ ปล่อยวางได้ง่าย
ดาวราหู ๘ ความหมาย กว้างๆ อาจจะตรงบางส่วนหรือไม่ตรงเลยค่ะ
เป็นคนไม่หลุ่มหลงในอบายมุขและสิ่งเสพติดหรือชอบไปไหนมาไหนไม่อยู่ติดบ้าน หรือเป็นดวงมีบริวารเยอะแต่จะเดือดร้อนเพราะพรรคพวก
ดาวมฤตยู ๐ ความหมาย กว้างๆ อาจจะตรงบางส่วนหรือไม่ตรงเลยค่ะ
ชอบผจญภัยหรือมีอันตรายหรือเรื่องไม่คาดฝันจากการเดินทางไกลไปต่างแดน หรือเป็นคนไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือสุขภาพสายตาผิดปกติหรือมักเป็นโรคเกี่ยวกับหัวเข่า เส้นเอ็นยึดหรืออักเสบ หรือได้ลาภผลแปลกๆเช่นมรดกหรือสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายเป็นทุกข์ลาภ
ดาวเกตุ ๙ ความหมาย กว้างๆ อาจจะตรงบางส่วนหรือไม่ตรงเลยค่ะ
มีโลกส่วนตัวสูงหรือไม่มีหัวพลิกแลงหรือเถรตรงหรือเป็นคนไม่เชื่อเรื่องโชคลางหรือของขลังหรือภูติผีปีศาจ แต่ก็อาจจะได้รับความเดือดร้อนจากพรรคพวกได้
พระพุทธองค์ได้เคยตรัสกับพระอานนท์ว่า “ตถาคตนึกถึงความตายอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก”
และ พระพุทธองค์ได้ตรัสสรรเสริญว่า “มรณัสสติ อันบุคคลทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่หยั่งลงสู่พระนิพพานเป็นที่สุด”
ในหนังสือ วีธีสร้างบุญบารมี นิพนธ์โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปริณายก นั้นมีใจความว่า
มรณัสสติกรรมฐานนั้น โดยปกติเป็นกรรมฐานของผู้ที่มีพุทธจริต คือ คนที่ฉลาด การใคร่ครวญถึงความตายเป็นการพิจารณาถึงความเป็นจริงที่ว่าไม่ว่าตนและสัตว์ทั้งหลาย เมื่อมีเกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญวัยเป็นหนุ่มสาว เฒ่าแก่แล้วก็ตายไปในที่สุด ไม่อาจล่วงพ้นไปได้ทุกผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนยาก ดี มี จน เด็ก หนุ่ม สาว เฒ่าแก่ สูง ต่ำ เหลื่อมล้ำกันด้วยฐานันดรศักดิ์อย่างใด ในที่สุดก็ทันกันและเสมอกันด้วยความตาย ผู้ที่คิดถึงความตายนั้น เป็นผู้ที่ไม่ประมาทในชีวิต ไม่มัวเมาในชีวิต เพราะเมื่อคิดถึงแล้วย่อมเร่งกระทำความดีและบุญกุศล เกรงกลัวต่อบาปกรรมที่จะติดตามไปในภพชาติหน้า ผู้ที่ประมาทมัวเมาต่อทรัพย์สมบัติยศศักดิ์ตำแหน่งหน้าที่นั้นเป็นผู้ที่หลง เหมือนกับคนที่หูหนวกและตาบอด ซึ่งโบราณกล่าวตำหนิไว้ว่า “หลงลำเนาเขาป่ากู่หาพอได้ยิน หลงยศอำนาจย่อมหูหนวกและตาบอด” และกล่าวไว้อีกว่า “หลงยศลืมตาย หลงกายลืมแก่”
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น