กินบุญเก่า

กินบุญเก่า

พฤหัสบดี โคจรวิกลคติ 

พฤหัสบดี มีเดิน พักร์ (ย้อน) ๒๓ กค - ๒ ธค ๒๕๖๕ ๑๓๒ วัน ในราศีมีน และเดิน มนฑ์ ๓ ธค -๑๗ ธค ๒๕๖๕ ประมาณ ๑๔ วัน  ในราศีมีน  

กระแสเอื้อมของดาวพฤหัสบดี 

การพักรของพฤหัสบดีในราศีมีน อาจจะเกี่ยวข้องกับ ๑.มุมมองศาสนา,หรือความเชื่อที่แตกต่าง มีการเจอหรือตรวจสอบหรือทบทวนความถูกต้อง  หรือ ๒.เรื่องทางการแพทย์ ต้องวินิจฉัยหาสาเหตุหรือเข้าใจโรคให้ชัดเจนอีกรอบนึง การหาหมอพบแพทย์ หรือ ๓.การศึกษาเล่าเรียน ที่ต้องทบทวนตรวจสอบเพิ่มเติม หรือ โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หรือวุฒิการศึกษาต่างๆ ๔ใเรื่องของผู้ใหญ่ ที่พึ่ง พระสงฆ์ หรือผู้ที่เคารพนับถือต่างๆ 

พฤหัสบดีผ่านอัษฎาเคราะห์

การพยากรณ์ผลจากดาวพฤหัสบดีจร โคจรเข้าทับดาวเคราะห์ต่างๆตลอดจนลัคนาเป็นการพยากรณ์ที่ต้องใคร่ครวญดูให้ดี เพราะเป็นดาวที่มีวิถีจักรโคจรช้า กว่าจะโคจรครบรอบราศีก็ตกราวเวลาประมาณ ๑ปี ผลดี-ผลชั่วจึงจำเป็นต้องมีองศาที่ใกล้ชิดกันจริงๆจึงจะได้ผล โดยต้องจับความสำคัญจากจุดดับ การที่อาทิตย์โคจรเข้าร่วมราศีกับพฤหัสบดีจร,จุดเพ็ญ การที่มีดาวอาทิตย์จรเข้าไปเล็งในราศีที่อยู่ตรงข้ามเมื่อมีเชิงมุมห่างกัน ๑๘๐ องศา และ จุดวิกลคติ เมื่อดาวพฤหัสบดีโคจรผ่านดาวเคราะห์ใดโดยองศาถึงกันแล้วผ่านไปจนกระทั้งไปหยุดนิ่ง แล้วพักรถอยหลังกลับลงมาอีกผ่านจุดองศาดาวเคราะห์นั้นอีกวาระหนึ่ง เมื่อพักรลงมาพอสมควรแก่เวลาก็สู่จุดวิกลคติหยุดนิ่งอีกคราวหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มโคจรเป็นปกติ นการโคจรผ่านไปในคราวแรกของพฤหัสบดีจรนั้น บางทีก็ยังไม่เกิดผลจะมาปรากฎผลเอาก็ต่อเมื่อโคจรเข้าผ่านเป็นรอบที่ ๒

สำหรับความหมายกว้างๆ กรณี ดาวเคราะห์โคจรมาร่วมกับดาวพฤหัสบดี

พฤหัสบดีร่วมอาทิตย์ ๕และ๑
ถ้ากุมกันเลยองศาจุดดับ หรือเป็นโยคเกณฑ์ดีต่อกัน : จะมีโชคมีลาภ, มีผู้ใหญ่อุปถัมภ์.มิตรสหายอุปการะคุณ,มีตำแหน่งหน้าที่ยศศักดิ์สูง,มีเกียรติยศชื่อเสียงในวงสังคม,ประกอบธุรกิจการงานสำเร็จ

ถ้าเข้าสู่จุดดับ หรือโยคเกณฑ์ร้าย: จะเป็นคนไม่มีหลักการ,มักใหญ่ใผ่สูง,วาดหวังเกินไป,ไม่ประสบความสำเร็จ,ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย,การเงินไม่ดี,ต้องคดีความ,หรือมีปมด้อย,สุขภาพเสื่อมโทรม อาจเป็นโรคลม,ความดันโลหิต,โรคตับ

พฤหัสบดีร่วมจันทร์ ๕และ๒

ถ้าทับกันสนิทองศาหรือป็นโยคเกณฑ์ดีต่อกัน : จะมีโชคลาภบริบูรณ์ด้วยเงินทอง,ค้าขายได้กำไรดี,ชีวิตมีความสุข,จะได้รับความอุปถัมภ์จากสตรีหรือผู้สูงศักดิ์

ถ้า เป็นโยคเกณฑ์ร้ายต่อกัน: จะทำให้เก็บเงินไม่อยู่ ใช้จ่ายเงินเกินตัวฟุ่มเฟือย,หมกมุ่นในการพนัน,สุขภาพเสื่อมโทรม

พฤหัสบดีร่วมอังคาร ๕และ ๓

ถ้ากุมกันสนิทองศาหรือป็นโยคเกณฑ์ดีต่อกัน : ช่วยเรื่องไหวพริบให้สำเร็จภาระกิจตามที่ตั้งไว้,ทำให้มีความเฉลียวฉลาดในการพลิกแพลงแก้ไขเหมาะที่จะเป็นนักค้นคว้า,นักคำนวณ

ถ้า เป็นโยคเกณฑ์ร้ายต่อกัน:จะเกิดเหตุวิวาท,มีคนกล่าวร้ายป้ายสี,จะผิดใจกับเจ้านาย,หรือความวิบัติทางการเงินเพราะประมาทในเรื่องการใช้จ่ายเพราะการคาดคะเนมุ่งหวังผิดพลาดหรือใจคอกว้างขวางจนเกินขอบเขต,สุขภาพให้ระวังโรคลมชัก


พฤหัสบดีร่วมพุธ ๕และ๔

ถ้ากุมกันสนิทองศาหรือป็นโยคเกณฑ์ดีต่อกัน : เป็นคนเฉลียวฉลาด ความตำดี เรียนรู้ออะไรรวดเร็ว มีความซื้่อสัตย์ ยุติธรรมประจำใจ โอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

ถ้าเป็นโยคเกณฑ์ร้ายต่อกัน: ไม่ซื่อตรง,ขาดความเที่ยงธรรม,ทำอะไรรีบร้อนสะเพร่า กลับมีผลเสียในภายหลัง

พฤหัสบดีร่วมศุกร์ ๕และ ๖
ถ้าเป็นโยคเกณฑ์ดีต่อกัน : จะมีความสุขในชีวิตสมรส,รักความรื่นรมย์,รักสวยรักงาม,ชอบงานด้านศิลปะ,การเงินมั่นคง
ถ้าเป็นโยคเกณฑ์ร้ายต่อกัน: การเงินไม่ดี ,ติดขัด,ฟุ่มเฟือย,ชีวิตสมรสไม่ราบรื่น

พฤหัสบดีร่วมเสาร์ ๕และ ๗

ถ้า สนิทองศาหรือป็นโยคเกณฑ์ดีต่อกัน : มีความสามารถในการหมุนเงิน เป็นคนเฉลียวฉลาด,ว่องไวและเข็มแข็ง

ถ้ากุมกันสนิทองศาหรือเป็นโยคเกณฑ์ร้ายต่อกัน: ชีวิตจะต้องพบกับความผิดพลาด,ถือความเห็นตัวเองเป็นใหญ่,เข้ากับใครไม่ได้,ขาดความมานะอดทน,โลเล,ไม่ไว้วางใจผู้อื่น

พฤหัสบดีร่วมราหู ๕และ ๘

ถ้าร่วมกันในราศีที่ดีหรือป็นโยคเกณฑ์ดีต่อกัน : ทำให้ชีวิตมีความรุ่งโรจน์,ความรู้แตกฉาน.เป็นหนอนหนังสือ

ถ้าเป็นโยคเกณฑ์ร้ายต่อกัน: อายุอาจจะสั้นถ้าร่วมองศากัน, ลุ่มหลงงมงาย,ไม่ฟังความเห็นของผู้อื่น,อาฆาตมาตร้าย


พฤหัสบดีร่วมเกตุ ๕และ ๙

ถ้ากุมกันสนิทองศาหรือป็นโยคเกณฑ์ดีต่อกัน : ส่งเสริมให้พฤหัสบดีเด่น คือเด่นด้านวิชาความรู้ เป็นนักปราชญ์หรืออาจารย์ที่มีชื่อเสียง,มีโชคดี

ถ้าเป็นโยคเกณฑ์ร้ายต่อกัน: เป็นอาจารย์ได้แต่สอนคนอื่นเขาตัวเองทำไม่ได้,มีวิชาท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด

พฤหัสบดีร่วมเกตุ ๕และ ๐

ถ้ากุมกันสนิทองศาหรือป็นโยคเกณฑ์ดีต่อกัน : จะชอบในทางปรัชญาโหราศาสตร์,เทคโนโลยี,ศาตร์ลึกลับ,เรื่องจิตวิญญาณ

ถ้าเป็นโยคเกณฑ์ร้ายต่อกัน: จะเป็นหัวดื้อหัวรั้น,ขัดแย้งกับผู้ใหญ่,อาจต้องคดีความ

พูดถึงดาวพฤหัสบดี ก็ต้องพูดถึงเรื่องบุญหรือบุญเก่ามาก็จะต้องใช้คำว่า กินบุญเก่าค่ะ มีเรื่องมาเล่าเกี่ยวกับ สังขพราหมณ์ชาดก (บาลีเป็น สังขชาดก) สรุปโดยย่อ ว่าด้วยอานิสงส์ถวายรองเท้า ดังนี้คือ 

ในนครพาราณาสีในอดีตมีนามว่าโมลินีมี พราหมณ์คนหนึ่งชื่อสังขะ เป็นผู้มั่งคั่ง มีโภคทรัพย์มาก ทั้งข้าวเปลือกและเงินทองมากมาย  สร้างโรงทาน ๖ แห่ง ที่ประตูเมือง ๔ ประตู ที่กลางเมือง และที่ประตูเรือน สละทรัพย์วันละ ๖ แสนให้ทานเป็นการใหญ่ แก่คนกำพร้าและคนเดินทางเป็นต้นทุกวัน ท่านพราหมณ์คิดว่า เมื่อทรัพย์ในเรือนสิ้นแล้ว เราจักไม่อาจให้ทานได้ เมื่อทรัพย์ยังไม่สิ้นไปนี้ จึงคิดว่าควรลงเรือไปสุวรรณภูมินำทรัพย์มา คิดดังนี้แล้ว จึงให้ต่อเรือบรรทุกสินค้าจนเต็ม แล้วเรียกบุตรภรรยามาสั่งว่าให้ทำการให้ทานเป็นไปโดยไม่ขาดจนกว่าท่านจะกลับมา แล้วก็เดินทางไปพร้อมทาสและกรรมกร กั้นร่มสวมรองเท้าเดินตรงไปยังบ้านที่มีท่าเรือจอด 

ในเวลาเที่ยงในขณะนั้น  มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งซึ่งสถิตย์ที่ภูเขาคันธมาทน์ พิจารณาดูก็ได้เห็นสังขพราหมณ์ กำลังจะเดินทางเพื่อนำทรัพย์มา จะมีอันตราย และ ที่พึ่งคือด้วยอานิสงส์ที่ถวายรองเท้า   

เมื่อท่านพราหมณ์เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเดินเหยียบทรายร้อนนั้นเท่านั้นก็ยินดีที่จะได้ทำบุญ  จึงรีบเข้าไปนมัสการพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เพื่ออนุเคราะห์ข้าพเจ้า ขอท่านได้ลงจากทางสักหน่อย แล้วเข้าไปที่โคนต้นไม้นี้ 

พอพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้าไปโคนต้นไม้ ก็พูนทรายขึ้นแล้วเอาผ้าห่มปูลาด นมัสการพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วล้างเท้าด้วยน้ำที่อบและกรองใสสะอาด ทาเท้าด้วยน้ำมันหอม ถอดรองเท้าที่ตนสวมออก เช็ดแล้วทาด้วยน้ำมันหอม แล้วสวมเท้าพระปัจเจกพุทธเจ้า ถวายร่มและรองเท้าด้วยวาจาว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงสวมรองเท้า กั้นร่มไปเถิด พระปัจเจกพุทธเจ้าเพื่อจะอนุเคราะห์สังขพราหมณ์ จึงรับร่มและรองเท้า และเพื่อจะให้ความเลื่อมใสเจริญยิ่งขึ้น จึงเหาะไปภูเขาคันธมาทน์ให้สังขพราหมณ์แลเห็น

สังขพราหมณ์โพธิสัตว์ได้เห็นดังนั้นแล้ว ก็มีจิตเลื่อมใสยิ่งขึ้น เดินไปสู่ท่าลงเรือ เมื่อสังขพราหมณ์กำลังเดินทางอยู่กลางมหาสมุทร พอถึงวันที่ ๗ เรือได้ทะลุ น้ำไหลเข้า ไม่มีใครสามารถจะวิดน้ำให้หมดได้ มหาชนกลัวต่อมรณภัย ต่างก็พากันนมัสการเทวดาที่นับถือของตนๆ ร้องกันเซ็งแซ่ 

สังขพราหมณ์กับอุปัฏฐากคือคนใช้คน ๑ ทาสรีระด้วยน้ำมัน เคี้ยวจุรณน้ำตาลกรวดกับเนยใสพอแก่ความต้องการแล้ว ให้อุปัฏฐากกินบ้าง แล้วขึ้นบนยอดเสากระโดงกับอุปัฏฐาก เพื่อคำนวณทิศว่า เมืองของตนอยู่ข้างทิศใด เมื่อจะทำให้ตนพ้นจากอันตรายจากปลา และเต่า จึงโดดออกไปห่างจากเรือประมาณอุสภะ ๑ (ประมาณ ๕๐ เมตร) พร้อมกับอุปัฏฐากนั้น เมื่อเรือแตกแล้ว ลูกเรืออื่น ๆ พากันจมน้ำตายเป็นอาหารของสัตว์ทะเลทั้งหมด ส่วนพระมหาสัตว์กับอุปัฏฐากพยายามว่ายข้าม มหาสมุทรไปได้ ๗ วัน วันนั้นเป็นวันอุโบสถ สังขพราหมณ์หรือพระโพธิสัตว์ได้บ้วน ปากด้วยน้ำเค็มแล้ว รักษาอุโบสถ

นางเทพธิดาชื่อมณิเมขลา ท้าวโลกบาลทั้ง ๔ ตั้งไว้ให้พิทักษ์รักษาสมุทร ด้วยคำสั่งว่า ถ้าเรือมาแตกลง มนุษย์ที่ถือไตรสรณคมน์ก็ดี มีศีลสมบูรณ์ก็ดี ปฏิบัติชอบในมารดาบิดาก็ดี มาตกทุกข์ในสมุทรนี้ ท่านพึงพิทักษ์รักษาเขาไว้ นางเทพธิดาฯตั้งอยู่ในความประมาทด้วยความเป็นใหญ่ของตนเสีย ๖ วันไม่ออกตรวจตราดูท้องทะเล 

พอถึงวันที่ ๗ นางจึงออกตรวจดูสมุทร ได้เห็นสังขพราหมณ์ประกอบด้วยศีลและอาจาระ ก็เกิดสังเวชจิตคิดว่า พราหมณ์นี้ ตกทะเลมาได้ ๗ วันแล้ว ถ้าพราหมณ์จักตายลง นางคงถูกครหาเป็นอันมาก แล้วนางได้จัดถาดทองใบหนึ่ง ให้เต็มไปด้วยทิพยโภชนะอันมีรสเลิศต่างๆ เหาะไป ณ ที่นั้นโดยเร็ว ยืนอยู่บนอากาศตรงหน้าสังขพราหมณ์ กล่าวว่า ข้าแต่พราหมณ์ ท่านอดอาหารมา ๗ วันแล้ว จงบริโภคโภชนะทิพย์นี้เถิด สังขพราหมณ์แลดูนางเทพธิดา กล่าวว่า ท่านรักษาอุโบสถ ปฏิเสธภัตตาหารนั้น ส่วนคนใช้หรืออุปัฏฐากอยู่ข้างหลังไม่เห็นเทวดาได้ฟังแต่เสียง จึงคิดว่า พราหมณ์อดอาหารลำบากเข้า ๗ วัน ชรอยจะบ่นเพ้อเพราะกลัวตายได้ปลอบโยนเขา 

ภายหลังนางเทพธิดาได้เนรมิตเรือขึ้นลำหนึ่ง ซึ่งแล้วไปด้วยแก้ว ๗ ประการ เรือลำนั้นยาว ๘ อุสภะ (๔๐๐ เมตร) กว้าง ๔ อุสภะ (๒๐๐ เมตร) ลึก ๒๐ วา (๔๐ เมตร) มีเสากระโดง ๓ เสา แล้วไป ด้วยแก้วอินทนิล มีสายระโยงระยาง ที่ทำด้วยทอง มีรอกกว้านที่ทำด้วยเงิน มีหางเสือ ที่ทำด้วยทองและรัตนะ ๗ ประการ มาบรรทุกเต็มเรือ แล้วอุ้มพราหมณ์ขึ้นบนเรือที่ประดับแล้ว แต่มิได้เหลียวแลบุรุษอุปัฏฐากของท่านพราหมณ์หรือพระโพธิสัตว์เลย พราหมณ์ได้ให้ส่วนบุญที่ตนได้กระทำไว้แก่อุปัฏฐาก อุปัฏฐากก็รับอนุโมทนา ทันใดนั้น เทวดาก็อุ้มอุปัฏฐากนั้นขึ้นเรือด้วย ลำดับนั้น เทวดาก็นำเรือไปสู่โมลินีนคร ขนทรัพย์ขึ้นเรือนพราหมณ์ แล้วจึงไปยังที่อยู่ของตน

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม เวลาจบสัจจะ อุบาสกดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า นางเทพธิดาในครั้งนั้น ได้มาเป็นนางอุบลวัณณาเถรีในบัดนี้ บุรุษอุปัฏฐากในครั้งนั้น ได้มาเป็นพระอานนท์ ในบัดนี้ ส่วนสังขพราหมณ์ ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล

สำหรับชาวพุทธนั้น บุญเก่าจะมีมากน้อยแค่ไหน ไม่มีใครรู้ได้ หากมีโอกาสควรทำสิ่งที่เรียกว่า บุญหรือกุศลต่อเนื่องไป หากมีความเชื่อในเรื่องของที่พึ่งหรือเทวดารวมทั้งบรรพบุรุษที่ล่วงลับไป ก็อย่าลืม อุทิศบุญที่ได้ทำเพิ่ม ให้ท่านคุ้มครองเรา เหมือนเรื่อง สังขพราหมณ์ชาดก เลยขอฝากเรื่องของพระประจำวันเกิด หรือเทวดาประจำวันเกิดไว้ค่ะ








  • ขอบคุณที่อ่านและกดติดตามในบล็อก https://zodietcwise.blogspot.com
  • เป็นเพื่อนและกดถูกใจใน FB #zodietcwise 
  • ฝากกดติดตาม IG: https://www.instagram.com/zodietcwise/
  • สนใจดูดวงนัดติดต่อ Inbox มาได้เลยจ้า หรือ เชิญปรึกษาดวงชะตาติดต่อได้ทาง                                         ไลน์ LINE https://line.me/ti/p/DxUHcrL7-M
  • ขอบคุณข้อมูล พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 62,   

    สังขพราหณชาดก/ - dharma-gateway.com

     
  • ขอบคุณวิชาโหราศาสตร์
  • ข้อมูลตำราพรหมชาติ ฉบับสมบูรณ์
  • ข้อมูลจากตำราอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร,
  • ข้อมูลอาจารย์ศ.ดุสิต,                                
  • ข้อมูลตำราอาจารย์พลูหลวง,
  • ข้อมูลตำราอาจารย์เล็ก พลูโต,
  • ข้อมูลตำราอาจารย์จำรัส ศิริ,อาจารย์อักษร ไพบูลย์,และอาจารย์ประภาพร เลาหรัตนเวทย์
  • รวมทั้งหลายท่านอาจารย์และบรมครูโหราศาสตร์ที่ได้เอ่ยนามแล้วและไม่ได้เอ่ยนามด้วยความเคารพอย่างสูงไว้ณที่นี้

  •  

    ความคิดเห็น