สักการะพระบรมสารีริกธาตุ

 วันอาทิตย์ แรม ๙ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีชวด

จันทร์จรเข้าราศีธนู ขณะที่ดาวศุกร์เสนริดในราศีกุมภ์ยังอยู่ในตรียางค์พิษครุฑ ส่วนดาวพุธยังคงจรในราศีมังกรจถึงวันที่ ๙ มีนาคม จะยกเข้าราศีกุมภ์
ส่วนดาวพฤหัสบดีจรในมังกรจนวันที่๒๙ มีนาคมจะยกเข้าราศีกุมภ์ค่ะ
พูดถึง ภพกัมมะ หรือการกระทำ (จากตำราโหราศาสตร์ระบบพลูหลวงของอาจารย์เล็ก พลูโต) มีทั้งด้านดีและด้านร้ายซึ่งอาจจะกระทำด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาตามหลักกรรมในพุทธศาสนา กรรมมักจะส่งผลเสมอโดยกรรมมีทั้งหมด๔ ประการคือ ๑.กัมมะโยนิ คือ คนเรามีกรรมเป็นกำเนิด ๒. กัมมะพันธุ คนเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ๓.กัมมะทายาโท คนเรามีกรรมเป็นทายาท ๔.กัมมะปฎิสรโณ คนเรามีกรรมเป็นที่พึ่งพาอาศัย
ภพกัมมะคือตำแหน่งที่๑๐เมื่อนับจากลัคนา เป็นจตุโกณกับลัคนา ดาวที่อยู่ในตำแหน่งนี้เป็นดาวลอยในภพกัมมะ ส่วนดาวเกษตรเจ้าเรือนที่ภพนี้ตั้งอยู่คือ ดาวเจ้าเรือนกัมมะ ในทางโหราศาสตร์ได้แบ่งเรื่องกรรมในจักรราศีไว้๒ส่วนคือ
๑.ภพปัจจุกรรม คือตำแหน่งที่มีดาวลอยอยู่กลางฟ้าในขณะเจ้าชะตาเกิดได้แก่ ภพที่๘มรณะ, ภพที่๙ศุภะ, ภพที่๑๐ กัมมะ, ภพที่๑๑ ลาภะ, และภพที่๑๒วินาสน์ จัดเป็นราศีภาคกลางวัน(เกิดตอนเที่ยงวัน ดาวอาทิตย์ลอยกลางฟ้าอยู่กลางฟ้าในภพกัมมะ) กล่าวคือหากมีดาวศุภะเคราะหรือบาปเคราะห์ให้คุณ ลอยอยู่เหนือฟ้าในขณะเกิดทำมุมสัมพันธ์ดีกับลัคนา, ดาวเจ้าเรือนลัคนา, ดาวเจ้าเรือนกัมมะ และดาวเสาร์๗ จะทำให้เจ้าชะตาเป็นผู้มีกรรมติดตัวมาดี เกิดมาเพื่อรับกรรมดี หรือมีวิถีชีวิตสุขสบายไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรนมาก ก็จะประสบความสำเร็จก้าวหน้า

๒.ภพอดีตกรรม คือตำแหน่งที่มีดาวลับฟ้า อยู่คนละฟากกับดาวลอยกลางฟ้า ในขณะที่เจ้าชะตาเกิดได้แก่ ตำแหน่ง ดาวในภพที่๒กดุมพะ, ภพที่๓สหัชชะ, ภพที่๔พันธุ, ภพที่๕ ปุตตะ ,และภพที่๖อริ ซึ่งจัดเป็นราศีภาคกลางคืน (เกิดตอนกลางคืนดาวอาทิตย์ลอยลับฟ้าอยู่ในเรือนพันธุ) หากมีดาวบาปเคราะห์หรือแม่แต่ศุภะเคราะห์ก็ตามทำมุมกับลัคนา,ดาวเจ้าเรือนลัคนา,ดาวเจ้าเรือนกัมมะและดาวเสาร์ จะทำให้เจ้าชะตามีกรรมที่ไม่ค่อยดีต้องมาใช้กรรมที่ตนก่อหรือมีวิถีชีวิตส่วนใหญ่ที่ไม่สุขสบายทำอะไรมักผิดหวังล้มเหลว ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับปัญหา หรือรับทุกข์เวทนาต่างๆจนกว่าจะใช้กรรมหมด อ่านเพิ่มเติมได้ค่ะเรื่อง #เรื่องการงาน12ราศี
นำมาเล่าเป็นบางส่วน อ่านแล้วก็อย่าเพิ่งคิดมากกันนะคะ
ฝากค่ะ เนื่องจากไปไหว้พระบรมสารรีริกธาตุมาด้วยค่ะ ข้อมูลจากวิกีพิเดียค่ะ พระบรมสารีริกธาตุ (สันสกฤต: शरीर; Śarīra) เรียกโดยย่อว่าพระบรมธาตุ คือ พระอัฐิของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ทรงอธิษฐานไว้ก่อนปรินิพพาน ให้คงเหลือไว้หลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
พระบรมสารีริกธาตุเป็นศัพท์เฉพาะใช้เรียกเฉพาะพระธาตุของพระพุทธเจ้า หากเป็นของพระอรหันต์สาวกจะเรียกว่า "พระธาตุ"
สวดบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุฯ
๑.นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(๓ จบ)
๒.สวดบทอิติปิโสธงชัย
อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโกปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆสามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ
๓.สวดคาถาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
อะหัง วันทามิ ธาตุโย
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมนมัสการ พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุทั้งหลาย ที่สถิตอยู่ในจักรวาลทั้งหลาย ทั้งพรหมโลกและดาวดึงส์ ตลอดจนถึงในนครบาดาลของเหล่านาคราช
อะหัง วันทามิ สัพพะโส
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมนมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระธาตุของพระอริยสงฆ์เจ้า
ผู้ประพฤติปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง เอวัง ธาตุโย จัตตารีสะ สะมาทันตาเกสา โลมา นะขา ขีจะ อะหัง วันทามิ ธาตุโย อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิอะหัง วันทามิ สารีกะธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส

ขอบคุณที่ติดตามเพจ #zodietcwise และฝากอ่านเรื่องต่างๆในบล็อกด้วยค่ะ
หากสนใจดูดวง อินบ็อกซ์มาได้เลยค่ะ หรือจะนัดให้ทำนายทางไลน์ก็ได้ค่ะhttps://line.me/ti/p/DxUHcrL7-M

ขอบคุณวิชาโหราศาสตร์และข้อมูลจากตำราอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร,อาจารย์ศ.ดุสิต และอาจารย์พันเอก(พิเศษ)เอื้อน มนเทียรทอง รวมทั้งหลายท่านอาจารย์และบรมครูโหราศาสตร์ที่ได้เอ่ยนามแล้วและไม่ได้เอ่ยนามด้วยความเคารพอย่างสูงไว้ณที่นี้




ความคิดเห็น